
23 พฤศจิกายน 2568 ประชาชนคนไทย อาจจะสงสัยว่า ทำไม “เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร” จึงกลายเป็นแหล่ง “บริการทางเพศจีนเทา” รวมถึง “ไทยเทา” ไปได้ และเรือนจำแห่งนี้อยู่ตรงไหน หลายคนอาจจะสับสนว่า เป็นที่เดียวกับเรือนจำคลองเปรมด้วยหรือไม่
จริงๆ แล้ว เรือนจำกลุ่มนี้ เรียกว่า “กลุ่มเรือนจำลาดยาว” ตั้งอยู่ในแขวงลาดยาว ใกล้ๆ บางเขน งามวงศ์วาน
กลุ่มเรือนจำลาดยาว มี 5 เรือนจำด้วยกัน คือ
1.เรือนจำกลางคลองเปรม
2.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
3.ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์
4.ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง
5.ทัณฑสถานหญิงกลาง
สำหรับเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โดยมากใช้คุมขัง “ผู้ที่คดียังไม่ถึงที่สุด” เป็นกลุ่มที่โดนจับแล้วไม่ได้ประกันตัว หรือโดนศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ตัดสินแล้ว ยังสู้คดีอยู่ และไม่ได้รับประกันตัว เรียกรวมๆ ว่า “ผู้ต้องขังระหว่างฯ” ซึ่งหมายถึง “ระหว่างการพิจารณาคดี” นั่นเอง
ในยุค พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีนโยบาย “แยกขัง” ระหว่าง “นักโทษเด็ดขาด” ที่คดีถึงที่สุดแล้ว กับ “ผู้ต้องขังระหว่างฯ” ซึ่งคดียังไม่ถึงที่สุด และตามรัฐธรรมนูญ ต้องถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ แต่ไม่ได้รับประกันตัว จึงต้องติดคุก
พ.ต.อ.ทวี ให้แยกคุมขัง เพื่อคุ้มครองสิทธิของ “ผู้ต้องขังระหว่างฯ” ที่สุดท้ายอาจกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ก็ได้ จึงได้แยกพื้นที่ขัง และประกาศให้ เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เป็นเรือนจำสำหรับ “ผู้ต้องขังระหว่างฯ” เรียกว่า “เรือนจำศูนย์ผู้ต้องขังระหว่างการพิจารณา” นำร่องแห่งแรกของประเทศ ซึ่งถือเป็นนโยบายที่ดี
แต่ผลอีกด้านก็คือ เรือนจำประเภทนี้ จะมีทนาย และญาติผู้ต้องขัง เข้าเยี่ยมเยอะมาก เพราะต้องหารือเรื่องการต่อสู้คดี
ประกอบกับ ผู้ต้องขัง “กลุ่มสีเทา” ก็มักจะยังมีเงิน มีอำนาจอยู่ เนื่องจากเพิ่งโดนจับไม่นาน ยังสู้คดีอยู่ ยังมีความหวัง ลูกน้องก็ยังมี เงินทองก็ยังไม่หมดไปกับการต่อสู้คดีมากนัก บางคนยังทำธุรกิจสีเทา สั่งการจากในคุกได้อีกต่างหาก
ส่งผลให้เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มีช่องโหว่ทางอ้อม ให้ผู้คุมนอกแถวหาประโยชน์ เปิดทางให้มีการต่อรอง จ่ายสินบน พาผู้หญิงเข้าไปในเรือนจำได้แบบเนียนๆ เพื่อไปเสิร์ฟ หรือให้บริการ ทั้งจีนเทา ไทยเทา ที่ยังมีเงิน มีอำนาจ มีบารมี