svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ข่าวสถานการณ์

ทูตทหารฯ 17 ประเทศ ลงพื้นที่ ชายแดนสระแก้ว จุดละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

ทูตทหารฯ 17 ประเทศ ลงพื้นที่ ชายแดนสระแก้ว จุดละเมิดข้อตกลงหยุดยิง หวังเห็นข้อเท็จจริง -ชื่นชมต่อความมุ่งมั่นรักษาสันติภาพ

19 พฤศจิกายน 2568 พลโทธีรนันท์ นันทขว้าง เจ้ากรมข่าวทหารบก ในฐานะผู้แทนกองทัพบก ได้นำคณะทูตฝ่ายทหารต่างประเทศ ประจำประเทศไทย จาก 17 ประเทศ 20 คน เดินทางมาติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่จ.สระแก้ว

 

โดยได้มารับฟังบรรยายสรุป ภาพรวมสถานการณ์ชายแดน โดยมี ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ และผบ.กองกำลังบูรพา ให้การต้อนรับ

 

ทูตทหารฯ 17 ประเทศ ลงพื้นที่ ชายแดนสระแก้ว จุดละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

 

 

ทูตทหารฯ 17 ประเทศ ลงพื้นที่ ชายแดนสระแก้ว จุดละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

 

ทูตทหารฯ 17 ประเทศ ลงพื้นที่ ชายแดนสระแก้ว จุดละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

 

ทูตทหารฯ 17 ประเทศ ลงพื้นที่ ชายแดนสระแก้ว จุดละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

 

ทูตทหารฯ 17 ประเทศ ลงพื้นที่ ชายแดนสระแก้ว จุดละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

 

 

 

ทูตทหารฯ 17 ประเทศ ลงพื้นที่ ชายแดนสระแก้ว จุดละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

 

ทูตทหารฯ 17 ประเทศ ลงพื้นที่ ชายแดนสระแก้ว จุดละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

 

ทูตทหารฯ 17 ประเทศ ลงพื้นที่ ชายแดนสระแก้ว จุดละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

 

 

ทูตทหารฯ 17 ประเทศ ลงพื้นที่ ชายแดนสระแก้ว จุดละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

 

 

โดย เจ้ากรมข่าวทหารบก ได้กล่าวช่วงต้นของการรับฟังบรรยายสรุป ว่า การลงพื้นที่ชายแดนครั้งนี้ มุ่งเน้นที่จุดผ่านแดนถาวร ซึ่งถือเป็นจุดตัดที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามพรมแดนและการค้าตลอดแนวชายแดนด้านตะวันออก

พร้อมรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์การปราบปรามขบวนการ ScammerCenter และได้สังเกตการณ์ การเก็บกู้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่บ้านหนองจาน

 

 

และจะไปสำรวจพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ที่เป็นพื้นที่อ่อนไหว 70 เมตร ในเรื่องข้อพิพาทการกำหนดแนวเขตแดน ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ ทูตฝ่ายทหารทั้งหมดจะ ได้เห็นสภาพความเป็นจริงในพื้นที่ด้วยตนเอง และได้รับความเข้าใจอย่างครอบคลุมเกี่ยวกับ ความซับซ้อนที่แท้จริงของปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา โดยหวังว่า ทูตทหารฯ จะแสดงความชื่นชมต่อ ความมุ่งมั่นของฝ่ายไทยในการธำรงไว้ซึ่งสันติภาพ ภายใต้กรอบข้อตกลงระหว่างประเทศ และความพยายามในการ แก้ไขข้อพิพาทผ่านทางการเจรจา

ทั้งนี้ ไฮไลท์สำคัญในการบรรยายสรุปให้กับคณะทูตทหาร ได้มีการพูดถึงมาตรการปราบปรามสแกมเมอร์ เรื่องของการปิดด่าน โดยได้ติดตั้งลวดหนามป้องกันการลักลอบข้ามพรมแดนในพื้นที่เสี่ยง ทางบริเวณตำบลป่าไร่ ตำบลท่าข้าม อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ตามแนวคลองลึกและคลองพรมโหด ระยะทาง 16.1 กิโลเมตร รวมถึงจุดเสี่ยงอื่นๆตามแนวคลอง อีก 1.4 กิโลเมตร เพื่อป้องกันการลักลอบข้ามพรมแดน ทั้งนี้พบว่าในช่วงที่ผ่านมายังมีคนไทยลักลอบข้ามพรมแดน เพื่อเข้าร่วมขบวนการสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์ ลักษณะส่วนใหญ่เป็นการไปเป็นบัญชีม้า

นอกจากนี้ยังมีการบรรยายการจัดการปัญหาชายแดนบริเวณบ้านหนองจานและหนองหญ้าแก้ว ซึ่งได้ดำเนินการตามขั้นตอน เรื่องของการสร้างความปลอดภัย และความมั่นคงให้กับประชาชน ทั้งการเร่งปฏิบัติการกวาดล้างทุ่นระเบิด ในพื้นที่พิพาท เพื่อให้เกิดความปลอดภัย 100 % และส่งมอบพื้นที่ให้กับประชาชนพร้อมฟื้นฟูสิทธิที่ดินหลังเก็บกู้ทุ่นระเบิดเสร็จสิ้นแล้ว เพื่อให้ชาวบ้านสามารถกลับไปทำการเกษตรและตั้งถิ่นฐานได้อย่างปลอดภัย โดยปัจจุบัน ได้มอบพื้นที่ปลอดภัยคืนให้กับชาวบ้านแล้ว ประกอบด้วย บ้านหนองหญ้าแก้ว 2 หลังคาเรือน 28 ไร่ / หนองจาน 4 หลังคาเรือน ประมาณ 47 ไร่ พร้อมเร่งรัด การออกโฉนดที่ดินให้กับชาวบ้าน ที่ยังไม่ได้รับโฉนด

 

ส่วนการดำเนินการในพื้นที่อ้างสิทธิ์ ฝ่ายไทยจะยังไม่ดำเนินการใดๆทั้งสิ้น หากยังไม่มีข้อตกลงร่วมกันอย่างเป็นทางการ และยืนยันว่าเราจะยึดมั่นในหลักการนี้อย่างเคร่งครัด จนกว่าการเจรจาและข้อตกลงต่างๆจะบรรลุผลสำเร็จ เพื่อเป็นการยืนยันว่าเราเคารพข้อตกลงปฏิญญาสันติภาพ และหลีกเลี่ยงการกระทำที่นำไปสู่ความตึงเครียด รวมถึงมีการบรรยายการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 พ.ย. เวลา 16.05 น. ขณะกำลังพลหน่วยเฉพาะกิจที่ 12 ประจำการอยู่บริเวณฐาน พบว่าทหารกัมพูชา ได้ยิงปืน AK-47 เข้ามา โดยไม่มีการยั่วยุใดๆจากฝ่ายไทย

จากนั้นฝ่ายไทยได้ยิงเตือนตามกฎการปะทะ เพื่อลดระดับสถานการณ์ แต่ฝ่ายกัมพูชายังยิงปืนต่อไปอีกประมาณ 10 นาที ก่อนจะหยุดยิงในเวลา 16.15 น. โดยไม่มีทหารไทยได้รับบาดเจ็บ แต่บังเกอร์ได้รับความเสียหาย / ต่อมา 17.45 น. ฝ่ายกัมพูชาได้ยิงปืนมาอีก 5 นัด ไปยังจุดเดิม จึงเชื่อว่าเป็นการพยายามจงใจสร้างความสูญเสีย โดยฝ่ายไทยไม่ได้มีการตอบโต้กลับ ดังนั้นเหตุการณ์ทั้ง 2 ครั้ง ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงไทยกัมพูชาจากที่ประชุม GBC วันที่ 7 ส.ค. 68 โดยเหตุการณ์ดังกล่าว สะท้อนถึงการกระทำโดยเจตนาของฝ่ายกัมพูชา ที่บ่อนทำลายสันติภาพ

 

 

 

บินโดรนสำรวจ ร่วมปักหมุดชั่วคราว หลักเขตแดน42-47

ไทยกัมพูชาเดินหน้าร่วมบินโดรนถ่ายภาพทางอากาศปักหมุดชั่วคราวเส้นเขตแดนอ้างสิทธิ์หลักเขตแดน 42 ถึง 47 ขณะที่ นาย วีระ” สมความคิด หวั่น ใช้ไรดาร์ เสี่ยงเสียดินแดนให้เขมร ชี้หลักเขตแดนมีความชัดเจนอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องบินสำรวจใหม่ หากดำเนินการแล้วผิดพลาดจะรับโทษถึงประหารชีวิตหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวชายแดนไทย กัมพูชา จ.สระแก้ว เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ฝ่ายความมั่นคงรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. ชุดสำรวจปักหมุดชั่วคราวกัมพูชา ได้เดินทางมาร่วมบินโดรน เพื่อวางภาพถ่ายทางอากาศ นำไปสู่การเดินสำรวจร่วมปักหมุดชั่วคราว ตามเส้นที่ทั้งสองประเทศอ้างสิทธิ สีแดง และ สีน้ำเงิน

ก่อนที่ คณะ IOT จะลงพื้นที่บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว ช่วงบ่ายติดตามการใช้โดรนบินสำรวจพื้นที่อ้างสิทธิของไทยและกัมพูชา ในการร่วมกันปักหมุดชั่วคราว เพื่อแก้ปัญหาข้อพิพาท บริเวณหลักเขตที่ 42 บ้านหนองหญ้าแก้ว

ล่าสุดความเคลื่อนไหวที่บ้านหนองจานบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ภายหลังฝ่ายไทย และ ฝ่ายกัมพูชาได้ประชุมหารือกัน เมื่อวานนี้ เพื่อทำการปักหมุดชั่วคราวบริเวณหลักเขตแดนที่ 42 ถึง 47 จะเริ่มที่บริเวณหลักเขตที่ 42 ซึ่งขั้นตอนแรก โดยจะบินโดรนเพื่อถ่ายภาพทางอากาศ

 

 

ก่อนหน้านี้นายวีระสมคิดได้โพสต์ข้อความลงบน Facebook ระบุว่า ขั้นตอนการดำเนินการ เข้าใจว่าจะใช้ โดรนติดตั้งเทคโนโลยีการถ่ายภาพขั้นสูง LiDAR แต่ทางคณะทำงานฝ่ายไทย และกัมพูชา ปกปิด ความจริงเรื่องนี้ ไม่ยอมเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมากับภาคประชาชนไทยที่ติดตามปัญหาเขมรบุกรุกแผ่นดินไทยบริเวณ บ้านหนองจาน และ บ้านหนองหญ้าแก้ว ว่าจะมีการใช้โดรนเพื่อทำ LiDAR จริงหรือไม่? กรณีที่มีการปกปิดความจริงนี้กับประชาชนไทย

กรณีปัญหาเส้นเขตแดนไทย- เขมร มีการสำรวจและหาพิกัดดาวเทียมเสร็จสิ้นแล้ว มีจุดที่ยังเห็นไม่ตรงกันเพียงไม่กี่จุดเท่านั้น ดังนั้น การอ้างใช้เทคโนโลยี LiDAR ในครั้งนี้ จึงเชื่อว่าจะเป็นเพียงการยื้อเวลาในการคืนแผ่นดินไทยบริเวณบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้วให้มันเนิ่นนานออกไปเท่านั้น แต่มันมีประเด็นที่เลวร้ายสุดระยำ ซึ่งภาคประชาชนไทยจำเป็นต้องติดตามตรวจสอบอย่างใกล้ชิดก็คือ หากใช้ LiDAR แล้วทำให้เส้นเขตแดนต้องเปลี่ยนแปลงไปจากเส้นเขตแดนเดิม ตามสนธิสัญญาสยาม- ฝรั่งเศส ค.ศ.1904-1907 ซึ่งมันหมายถึงอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตประเทศระหว่างไทย-เขมร กันใหม่ บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว เกือบทั้งหมดอาจจะตกเป็นของเขมรก็ได้ คนไทยจะยอมรับการเสียแผ่นดินในครั้งใหม่นี้กันได้หรือไม่? อย่างไร?

หากสิ่งที่จะทำกันใหม่ในครั้งนี้ แล้วอาจทำให้ไทยต้องเสียหาย ฉิบหาย เสียเปรียบเขมรเพิ่มมากขึ้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติของฝ่ายไทยจะรับผิดชอบในความเสียหาย เกี่ยวกับเรื่องนี้กันอย่างไร จะยอมรับโทษประหารชีวิตกันหรือไม่

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บริเวณบ้านเปลือยจันทร์และบ้านหนองจานภายหลังจากที่ชาวบ้านชาวกัมพูชาทราบว่าจะมีการปักหมุดชั่วคราวและการใช้โดรนสำรวจทำให้มีชาวกัมพูชาทยอยกันมารวมตัวทั้งบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว

ขณะเดียวกันทีมข่าวได้รับรายงานจากชาวบ้านที่สามารถติดต่อกับชาวบ้านฝั่งบ้านเปลือยจันทร์ได้เปิดเผยว่า ชาวบ้านเปลือยจันทร์ที่ อพยพกันไปเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ช่วงที่เกิดสถานการณ์ตึงเครียด ได้กลับเข้ามาอาศัยอยู่ตามเดิมในหมู่บ้านเปลือยจันทร์ หลังอพยพกันออกไปอยู่ที่ศูนย์พักพิงวัดจันทร์ที่ทางจังหวัดบัณเตียนเมียนเจยจัดตั้งขึ้น

 

ทูตทหารฯ 17 ประเทศ ลงพื้นที่ ชายแดนสระแก้ว จุดละเมิดข้อตกลงหยุดยิง