
12ตุลาคม 2568 แนวโน้มสถานการณ์ที่บ้านหนองจาน - หนองหญ้าแก้ว
- กองทัพภาคที่ 1 จะยังคงปฏิบัติตรวจหาทุ่นระเบิดต่อไปอีก 3-4 วัน
- ระหว่างการตรวจหาทุ่นระเบิด ก็จะขยายพื้นที่ปลอดภัยไปเรื่อยๆ และใช้กำลังหนุนเข้าควบคุมพื้นที่
- ปฏิบัติการนี้อยู่ภายใต้กรอบ RBC และ GBC ว่าด้วยความร่วมมือการเก็บกู้ทุ่นระเบิด แต่กัมพูชาไม่ร่วมมือเอง
- เป็นการยืนยันและส่งสัญญาณต่อนานาชาติว่า ไทยปฏิบัติการในเขตไทย นัยก็คือ พื้นที่นี้เป็นเขตอธิปไตยไทย
**ล่าสุดกัมพูชารู้ตัวแล้วว่ากำลังเสียเปรียบ จึงพยายามแถลงข่าวและร้องเรียนไปยังองค์กรระหว่างประเทศ
**แต่กัมพูชาทำอะไรมากไม่ได้ เนื่องจากฝังทุ่นระเบิดเอาไว้มาก เป็นพื้นที่อันตรายจริง
- ดึงเวลาให้มวลชนกัมพูชาเหนื่อยล้า และขาดท่อน้ำเลี้ยงสนับสนุน หากมีช่องว่าง ฝ่ายไทยรุกคืบยึดพื้นที่เพิ่มทันที
บิ๊กมั่นคง แง้ม “กินทีละคำ” เศรษฐกิจนำการทหาร
แหล่งข่าวจากอดีตหัวหน้าหน่วยงานด้านความมั่นคงระดับประเทศ ซึ่งปัจจุบันก็ยังเป็นที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง ให้ข้อมูลปฏิบัติการยึดคืนพื้นที่บ้านหนองจาน หนองหญ้าแก้ว
- ไทยต้องเน้นยุทธศาสตร์ตั้งรับ และค่อยๆ รุกคืบทีละน้อยในพื้นที่ของไทย
- ค่อยๆ ปรับระเบียบชายแดนให้ฝ่ายเราสามารถควบคุมได้ทั้งหมด แบบค่อยเป็นค่อยไป
- สาเหตุที่ต้องทำเช่นนี้เพราะไทยเป็นประเทศใหญ่กว่า เหมือนผู้ใหญ่สู้กับเด็ก ตอบโต้แรงไปก็กลายเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก และเด็กก็จะวิ่งไปฟ้องพ่อ
- ไทยสู้โดยลำพัง ไม่พึ่งใคร และพร้อมรุกกลับ ถ้ากัมพูชาเริ่มก่อน
- ยุทธศาสตร์ของไทย คือ ตีที่จุดอ่อนที่สุดของกัมพูชา นั่นก็คือ ด้านเศรษฐกิจ ภายใต้ยุทธศาสตร์ E โดยไม่ยอมผ่อนปรน
- ยุทธศาสตร์โดยรวม คือ ตั้งรับแต่พร้อมรุกกลับ กล่าวคือ ใช้เครื่องมือทางเศรษฐกิจ คือ E กดดันให้อ่อนแรง และเมื่อมีช่องว่าง หรือถูกโจมตีก่อน ก็จะใช้กำลังทหาร หรือ M รุกกลับ พร้อมเปิดเกมด้านต่างประเทศ หรือ D และใช้สงครามข่าวสาร คือ I
- เครื่องมือทางยุทธศาสตร์ที่ใช้ในการสงคราม คือ DIME
เศรษฐกิจ (E) - ปิดด่าน ห้ามการค้าขาย ห้ามแรงงานเข้าออก และทำลายบ่อน/สแกมเมอร์ เพื่อตัดรายได้
การทหาร (M) - เป็นมาตรการตั้งรับและพร้อมรุก โดยจะไม่รุกก่อน
การทูต( D) - ตั้งรับสลับรุก
ปฏิบัติการข่าวสาร และการรวบรวมด้านการข่าว (I) - ทำตลอดเวลา เพียงแต่ไม่ได้ทำให้ปรากฏเป็นข่าว