
26 ธันวาคม 2568 ร้อยโทหญิง อายุ 29 ปี นายทหารหญิงสังกัดกรมทหารแห่งหนึ่ง เข้าร้องขอความช่วยเหลือจาก มูลนิธิปวีณาหงสกุลฯ หลังถูกอดีตนายทหารยศ พลโท อายุ 63 ปี ซึ่งปัจจุบันเป็นทหารนอกราชการ ร่วมกับลูกน้องยศ ร้อยเอก วางแผนลวงไปทำร้ายร่างกาย และข่มขืนอย่างโหดเหี้ยม ภายในโรงแรมม่านรูดย่านบางพลัด พร้อมข่มขู่ฆ่าหากแจ้งความ
ผู้เสียหายเล่าว่า เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 68 พลโทโทรศัพท์มาขอพบเป็นครั้งสุดท้าย อ้างจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศ นัดพบที่ร้านอาหารย่านบางพลัด โดยผู้เสียหายเดินทางไปพร้อมน้องสาว ระหว่างรับประทานอาหาร พลโทชวนดื่มไวน์ และนำน้ำสีขาวขุ่นอ้างว่า เป็น “น้ำวิตามิน” มาให้ดื่ม หลังดื่มเข้าไปผู้เสียหายและน้องสาวเกิดอาการมึนงงผิดปกติ
ต่อมา พลโทอ้างมีของขวัญให้ ชวนผู้เสียหายไปที่ท้ายรถ SUV ก่อนจะ ผลักขึ้นรถ มัดมือ–เท้าด้วยเคเบิ้ลไทร์ ปิดปาก ปิดตา แล้วให้ลูกน้องยศร้อยเอกขับรถพาไปโรงแรมม่านรูดแห่งแรก แต่พนักงานไม่เปิดห้องเนื่องจากผู้เสียหายร้องขอความช่วยเหลือ
จากนั้นถูกพาไปโรงแรมแห่งที่สอง ก่อนถูกอุ้มเข้าไปในห้องและทำร้ายร่างกาย โดยร้อยเอกพยายามขอร้องไม่ให้ทำร้าย แต่กลับถูกสั่งให้ร่วมกระทำและยืนดู ขณะพลโทลงมือ ทำร้ายและข่มขืนทั้งที่ผู้เสียหายยังถูกมัดมือ พร้อมถ่ายคลิปไว้ และข่มขู่ว่า
“ถ้าแจ้งความ มึงตายแน่”
หลังก่อเหตุ ทั้งสองคนพาผู้เสียหายกลับมาส่งที่ร้านอาหาร น้องสาวพบผู้เสียหายในสภาพบอบช้ำ ก่อนพาไปโรงพยาบาล และเข้าแจ้งความที่ สน.บางพลัด ในคืนเดียวกัน
ร.ท.หญิง เปิดเผยว่า ตอนปี 63 ตนยังเป็นนักศึกษาชั้นปี 4 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ครอบครัวฐานะยากจน ตนต้องเลี้ยงดูย่า ต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ช่วงกลางวันและตอนเย็นจะไปรับจ้างยืนแจกขนม ตามสถานีรถไฟฟ้าและห้างสรรพสินค้า วันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ จะทำงานร้านอาหาร และได้พบกับ "พล.ท." ที่มาทานอาหารกับกลุ่มเพื่อน หนูไปทำหน้าที่แนะนำเครื่องดื่มที่เพิ่งออกใหม่ วันนั้น พล.ท.ให้ทิปหนูถึง 10,000 บาท ตนตกใจและดีใจมาก เพราะว่าเป็นช่วงที่ต้องจ่ายค่าเทอมพอดี คิดว่า พล.ท.เป็นผู้ใหญ่ใจดีที่เมตตาเด็ก
หลังจากนั้นเขาให้ลูกน้องมาขอไลน์หนู วันต่อมาเขาไลน์มาชวนหนูไปทานข้าวกับเพื่อนเขาหลายคน หลังจากนั้นเขาก็ได้ไลน์ติดต่อให้ตนไปทานข้าวด้วย 2 ต่อ 2 และซื้อรถเก๋งให้หนู 1 คัน ราคา 2 แสนกว่าบาท จากนั้นมีความสัมพันธ์กัน เวลาสังสรรค์กับเพื่อนเขาในกรมทหาร จะให้หนูไปคอยชงเหล้า รับใช้ คอยสั่งการชีวิตหนูทุกอย่าง และหึงหวง ไม่ให้ออกไปไหน ไม่ให้คุยกับผู้ชาย หรือแม้กระทั่งเพื่อนที่เป็น LGBTQ+
ร.ท.หญิง กล่าวอีกว่า ตลอดเวลาตนเหมือนนางบำเรอและทาสรับใช้ เวลาอยู่กับเขาต้องทำทุกอย่างคอยเอาใจ ทำความสะอาดห้อง ซักผ้า รีดผ้า ถ้าทำอะไรไม่ถูกใจจะถูกทุบตี จะคอยบังคับให้หนูอยู่ในกรอบ ถ้าจะไปไหนต้องบอกตลอดเวลา ถ้าเขาแชตไลน์มาแล้วไม่อ่านหรืออ่านช้า หรือโทรมาไม่รับสายจะถูกด่าว่า "มึงเป็นใคร ทำไมไม่รับสายกู" และเมื่อเจอหน้าจะตบตีทำร้าย ตนเคยถูกทำร้ายหลายครั้งจนเข้าโรงพยาบาลมาแล้ว
หลังรับเรื่อง มูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสาน พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ชัยยะ เพ็ชรปัญญา ผบก.น.7 พ.ต.อ.อัครพล จั่นเพชร ผกก.สน.บางพลัด โดยช่วงบ่ายวันนี้ (26 ธ.ค.) ได้นัดพาผู้เสียหายเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม ตำรวจอยู่ระหว่างไล่ภาพเส้นทางวันเกิดเหตุ และรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ผู้เสียหายระบุว่า ได้รับการโอนเงินจากฝ่ายผู้ก่อเหตุหลังทราบว่าแจ้งความ แต่ได้โอนเงินคืนทั้งหมด และยืนยัน ไม่ต้องการเงิน ต้องการความยุติธรรมและความปลอดภัยในชีวิต
พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รอง ผบช.น. กล่าวว่า พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. มอบหมายให้ตนมาดำเนินการในคดีนี้ หลังรับเรื่องได้สั่งการให้มีการสอบสวนรวมรวม พยานหลักฐานและวัตถุพยานดำเนินการให้เร็วที่สุด ขอยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ตำรวจทำไปทำพยานหลักฐาน หากใครมีส่วนเกี่ยวข้อง กระทำความผิดจะโดนแจ้งข้อกล่าวหาหมดทุกคน
"แม้ผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิดในอดีตจะมียศใหญ่โตในราชการ ร่วมทั้งผู้เกี่ยวข้อง ถ้ามีหลักฐานกระทำผิดจริงต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย"
ด้าน พล.ต.ต.ชัยยะ เพ็ชรปัญญา ผบก.น.7 สั่งกำชับพ.ต.อ.อัครพล จั่นเพชร สน.บางพลัด และพนักงานสอบสวนให้ทำงานเต็มที่ ทั้งเรื่องพยานหลักฐานและวัตถุพยาน ทำครบทุกกระบวนการและจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ตอนนี้รวบรวมพยานหลักฐานได้พอสมควรแล้ว ยังเหลือพิสูจน์ทราบคำให้การของน้องผู้เสียหาย