
11 ธันวาคม 2568 ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะ ผอ.ศปอส.ตร. และ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. เปิดข้อมูลการเข้าช่วยเหลือเหยื่อ ในวันที่ 10-11 ธ.ค.68 โดยพบว่ามีเคสรับแจ้งผ่านทางศูนย์ ACSC เกี่ยวกับแผนประทุษกรรมของคนร้ายโดยหลักๆยังคงเป็นเรื่องของการโทรศัพท์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ พร้อมข่มขู่ว่าเกี่ยวข้องการคดี ทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัว โอนเงินไปให้ตรวจสอบ
ขณะที่อีกเคสน่าสนใจเป็นการลวงวัยเกษียณ มิจฉาชีพอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่และให้เปลี่ยนโปรแกรมรับผลประโยชน์ ก่อนหลอกให้เข้าแอปธนาคาร จากนั้นลวงให้เปลี่ยนจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ ก่อนทำการสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันการทำธุรกรรมโอนเงินไปยังบัญชีของคนร้าย เมื่อเหยื่อหลงเชื่อทำตามขั้นตอนดังกล่าว เงินจึงถูกโอนไปยังคนร้ายทันที
ศูนย์ ACSC สามารถประสานงานร่วมกันกับทุกภาคส่วน ประกอบกับประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เข้าตรวจสอบพร้อมช่วยเหลือเหยื่ออย่างทันท่วงที โดยเป็นการเข้าตรวจสอบทั้งหมด 3 เคส และเราสามารถช่วยเหลือรวมทั้งระงับการโอนเงินของผู้เสียหายก่อนจะโอนเงินไปยังบัญชีของมิจฉาชีพได้ทั้งหมด 3 รายเช่นกัน คิดเป็นจำนวนเงิน 1,000,000 บาท
สำหรับเคสที่น่าสนใจ เจ้าหน้าที่ warroom ศูนย์ ACSC ประสานตำรวจสภ.เมืองพะเยา เข้าช่วยเหลือผู้เสียหายเป็นชายวัยเกษียณ หลังรับสายมิจฉาชีพเป็นเสียงผู้หญิง พูดภาษาเหนือ แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา แจ้งว่าระบบข้าราชการบำนาญจะเปลี่ยนแปลงโปรแกรมรับผลประโยชน์ใหม่ จึงจะให้โหลดโปรแกรมใหม่
จากนั้นให้แอดไลน์ ชื่อไลน์ “กลุ่มสิทธิข้าราชการเกษียณ” พร้อมทั้งบอกให้โหลดแบบฟอร์มเอกสารผู้รับประโยชน์ ทางลิงก์ www.cgd.dkhth.com จากนั้นคนร้ายจะหลอกให้ผู้เสียหายเข้าไปแอปธนาคารแห่งหนึ่ง ทำตามขั้นตอนที่คนร้ายแนะนำ โดยในกระบวนการนั้นจะมีการให้เปลี่ยนภาษา และสแกนใบหน้า เป็นการยืนยันการทำธุรกรรมโอนเงินบัญชีผู้เสียหายไป 82,690 บาท เข้าบัญชีคนร้าย ขณะนั้นเองเจ้าหน้าที่ได้ไปถึงหน้าบ้านผู้เสียหาย แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและบอกว่าในสายนั่นคือมิจฉาชีพ พร้อมพยายามให้หยุดการกระทำดังกล่าว
เมื่อผู้เสียหายทราบว่าถูกหลอก ผู้เสียหายได้โทรกลับไปที่หมายโทรศัพท์ที่คนร้ายโทรมาครั้งแรก แต่ปรากฏว่าไม่มีการรับสาย ขณะที่แอปธนาคารของผู้เสียหายเองก็ไม่สามารถเปิดเข้าใช้งานได้ เจ้าหน้าที่แนะนำให้โทรศัพท์สอบถามกับทางธนาคาร พบว่าผู้เสียหายได้ทำธุรกรรมสำเร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพาผู้เสียหายมาพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพะเยา พร้อมกับให้โทรแจ้งความทางออนไลน์ 1441 โดยหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะประสานกับทางธนาคารเพื่ออายัดบัญชี และดำเนินคดีกับขบวนการนี้ต่อไป
ขณะที่อีกเคส ตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี เข้าช่วยเหลือผู้เสียหายเป็นหญิง ที่มิจฉาชีพโทรศัพท์ลวงเป็นพนักงานเครือข่ายโทรศัพท์มือถือแห่งหนึ่ง แจ้งว่ามีคนนำเบอร์ใหม่ไปเปิดเบอร์ใหม่ ขอให้ไปติดต่อแจ้งความ โดยให้แอดไลน์ตำรวจปลอม สภ.เมืองพิจิตร อ้างเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน พร้อมให้โอนเงินไปเพื่อตรวจสอบ สูญเงินกว่า 1,089,000 บาท
เช่นเดียวกับเคสที่ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ เข้าระงับการโอนเงินของผู้เสียหาย เป็นชาย ถูกมิจฉาชีพโทรศัพท์ข่มขู่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระบุผู้เสียหายมีชื่อพัวพันกับคดี จึงขอตรวจสอบข้อมูล ก่อนลวงให้แอดไลน์เจ้าหน้าที่ปลอม วิดีโอคอลข่มขู่ สุดท้ายให้โอนเงินไปตรวจสอบ มูลค่าความเสียหาย 6,029,000 บาท