
23 ตุลาคม 2568 พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พร้อมด้วย นายสุธีระ พึ่งธรรม ผอ.สำนักกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ รองผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ และเจ้าหน้าที่กองบังคับการสายตรวจ และปฏิบัติการพิเศษ นำหมายค้นศาลอาญา ลงวันที่ 22 ต.ค. 2568 ลงพื้นที่ตรวจค้นบ้านเดี่ยวสองชั้นหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นบ้านเช่า ตั้งอยู่ภายในลาดพร้าว ซอย 3 แยก 6 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. หลังจากกองบังคับการสายตรวจ และปฏิบัติการพิเศษ สืบทราบว่ามีชายชาวจีน 3 ราย มีพฤติการณ์ต้องสงสัย โดยมาเช่าบ้านหลังดังกล่าวแต่ไม่ค่อยออกจากบ้าน เป็นพฤติการณ์ของขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์
จากการเข้าค้นสามารถจับกุมผู้ต้องหาชาวจีน 3 คน ทราบชื่อ คือ Mr.Zhang Hailong(จาง ไห่หลง) อายุ 38 ปี , Mr.Liu Shunyin (หลิว ชุนหยิง) อายุ 29 ปี และ Mr.Wu Zhiqiang(อู่ จื้อเฉียง)อายุ 32 ปี
โดย พล.ต.ท.สยาม ได้สอบปากคำผู้ต้องหาผ่านล่ามภาษาจีน โดย นายจาง ไห่หลง ให้การอ้างว่า เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ส่วนที่มาอยู่ในบ้านหลังนี้ เพราะต้องการใช้เป็นที่พักอาศัยเท่านั้น ไม่รู้เรื่อง เข้ามาก็เห็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เปิดใช้งานอยู่แล้ว
ส่วนภายในบ้านพักสามารถตรวจยึด ของกลางได้ทั้งหมด 7 รายการ ประกอบด้วย 1.อุปกรณ์ Sim Box จำนวน 4 เครื่อง อยู่ในสภาพไม่ได้ใช้งาน , ชุดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (PC) จำนวน 4 เครื่อง 3.Notebooks จำนวน 4 เครื่อง 4.โทรศัพท์มือถือ จำนวน 29 เครื่อง 5.เราเตอร์ จำนวน 5 เครื่อง 6.Pocket WiFi จำนวน 1 เครื่อง และ7.อุปกรณ์ส่วนควบอื่นๆ เช่น คีย์บอร์ด ปลั๊กไฟ เป็นต้น
พล.ต.ท.สยาม ระบุว่า กลุ่มผู้ต้องหากลุ่มนี้จะตั้งตัวเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายให้กับเหยื่อที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง โดยเลือกเป้าหมายเป็นคนจีน สเปน อังกฤษ พร้อมบอกผู้เสียหายว่าจะให้คำปรึกษาฟรีจนกว่าคดีจะเสร็จสิ้น ถึงจะมีการคิดเปอร์เซ็นต์ แต่ทางตำรวจเชื่อว่าไม่ได้รับปรึกษาด้านคดีจริง เป็นเพียงแค่การซ้ำเติมเหยื่อ เพราะดูจากเครื่องมือที่พบภายในบ้านมีลักษณะคล้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่มักจะมาเช่าบ้านเป็นถิ่นฐานเอาไว้หลอกลวง
จากการตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายที่เป็นภาษาจีนพบว่า มีการบันทึกไว้ตั้งแต่ ตุลาคม ปี 2567 ที่กลุ่มผู้ต้องหากลุ่มนี้เริ่มเข้ามาเช่าบ้านอยู่ ในเดือนแรกที่เข้ามาอยู่พบว่ามีรายรับถึง 2 ล้านหยวน หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 10 ล้านบาท
โดยจากการสอบถามเพื่อนบ้านที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงให้ข้อมูลว่า กลุ่มผู้ต้องหาจะมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเป็นวงรอบจะไม่ซ้ำหน้าเดิม แต่จะมี 1 คนที่จะอยู่บ้านหลังนี้เป็นประจำ คือ นายจาง ไห่หลง ที่เดินทางมาจากประเทศลาว เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คนพบว่าเดินทางมาจากประเทศกัมพูชา เข้ามาประเทศไทยตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2568
ส่วนหัวหน้าแก๊งอยู่ระหว่างการขยายผล รวมถึงบุคคลอื่นที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน จะขอขยายผลอีกครั้งหนึ่ง ส่วนเงินหมุนเวียนต่อเดือน จะขอตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายของผู้ต้องหาก่อนว่ามีเงินเข้าออกเท่าไหร่
พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ รองผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ระบุว่า บ้านที่ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนใช้อยู่อาศัยจากการตรวจสอบพบว่า คนจีนได้จ้างหญิงชาวไทยให้ไปทำสัญญาเช่าบ้านตั้งแต่ปี 2567 จ่ายค่าเช่าเดือนละ 30,000 บาท ก่อนจะให้หญิงชาวไทยทำสัญญาเช่าปลอมขึ้นมาอีกหนึ่งฉบับ โดยที่มีชื่อชาวจีนเป็นผู้เช่าโดยตรงกับเจ้าของบ้าน เชื่อว่าที่ผู้ต้องหาทำแบบนี้ เพราะต้องการที่จะไปเปิดใช้อินเตอร์เน็ตในประเทศไทย แต่จากการสอบถามเจ้าของบ้าน ยืนยันว่าตนเองไม่ได้ทำสัญญากับคนจีน แต่ทำสัญญาเช่ากับหญิงชาวไทยโดยตรง
นายสุธีระ พึ่งธรรม ผอ.สำนักกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม ระบุว่า กลุ่มผู้ต้องหากลุ่มนี้มีการถอดวงจรโทรศัพท์มือถือ มาประกอบซิมบ็อกซ์ เพื่อเอามาใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่จากการตรวจสอบในขณะนี้ยังไม่มีการเปิดใช้งาน เบื้องต้นจะดำเนินการในฐานความผิด คือ นำเข้า ทำ และมี เครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต อัตราโทษ จำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 ซึ่งในกรณีที่มีการประกอบซิมบล็อก กสทช. จะไม่ใช้นโยบายในการเปรียบเทียบปรับ เพราะไม่ได้สัดส่วนกับความเสียหายที่เกิดขึ้น จึงจะมีการดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด และจะดำเนินการตาม พ.ร.บ. กรมศุลกากรที่เกี่ยวข้อง