svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

รวบหนุ่มเกาหลี เครือข่ายแก๊งคอลฯ มือฟอกคริปโตเป็นทองคำแท่ง

ปอท.ร่วม กับ ตม.ดักจับหนุ่มเกาหลีคาสนามบินสุวรรณภูมิ หลังพบมีเอี่ยวแก๊งคอลฯ เป็นมือฟอกคริปโตเป็นทองคำแท่ง ครั้งละไม่ต่ำกว่า 10 กก. ตรวจสอบบัญชีคริปโต พบช่วง 3 เดือน รับเงินดิจิทัลสกุลต่างๆ กว่า 1,650 ล้าน

23 สิงหาคม 2568 พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท. สั่งการให้ พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.2 บก.ปอท. , พ.ต.ท.ชัยเวง พาด้วง  และ พ.ต.ท.จักรพงษ์ รุ่งกำจัด  สว.กก.2 บก.ปอท. นำกำลังจับกุม MR. HAN อายุ 33 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ ตามหมายจับศาลอาญาที่ 822/2568 ลงวันที่ 6 ก.พ. 2568  ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น โดยนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ, ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันเป็นอั้งยี่” ได้บริเวณช่องผู้โดยสารขาเข้า สนามบินสุวรรณภูมิ

ทั้งนี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 มีผู้เสียหายที่ต้องการหารายได้พิเศษสมัครงานออนไลน์ เป็นงานกดไลค์เพิ่มยอดติดตามต่างๆ ก่อนถูกชักชวนให้ทำกิจกรรมพิเศษต่างๆ ที่ต้องนำเงินมาลงทุนก่อน อ้างมีผลตอบแทนประมาณ 30%-50% ผู้เสียหายหลงเชื่อนำเงินไปร่วมลงทุน ช่วงแรก ๆ ก็ให้ผลตอบแทนจริง จากนั้นผู้เสียหายนำเงินไปลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆ จนภายหลังผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินออกมาจากระบบได้ โดยคนร้ายให้เหตุผลว่าไม่ทำตามขั้นตอนที่กำหนด

รวบหนุ่มเกาหลี เครือข่ายแก๊งคอลฯ มือฟอกคริปโตเป็นทองคำแท่ง

เมื่อผู้เสียหายรู้ว่าถูกหลอกจึงเข้าแจ้งความที่ บก.ปอท. ก่อนมีการจับกลุ่มผู้ต้องหาได้ 10 ราย ได้แก่ ผู้ทำหน้าที่ฟอกเงินให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จำนวน 5 ราย และเจ้าของบัญชีม้า จำนวน  5 ราย

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. ร่วมกับ บก.ตม. สืบทราบว่าทราบว่า MR. HAN ผู้ต้องหารายนี้ จะเดินทางเข้าประเทศไทย โดยเที่ยวบินจากประเทศเกาหลีใต้ มายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จึงร่วมกันวางแผนเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหาขณะผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง พร้อมตรวจยึดของกลาง คือ โทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง ภายในมีข้อมูลบัญชีคริปโต แพลตฟอร์มต่างๆ จำนวนหลายบัญชี และหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินด้วย

สอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ แต่ยอมรับในข้อเท็จจริงว่า เคยไปศึกษาที่ประเทศจีน เป็นเวลา 6 ปี ก่อนกลับมาทำงานบริษัทในประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งรับฟอกเงินดิจิทัลสกุลต่างๆ เป็นทองคำแท่ง ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยผู้ต้องหามีหน้าที่เปิดบัญชีคริปโตแพลตฟอร์มต่างๆ ที่ใช้รับเงินจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังจากนั้นบริษัทของผู้ต้องหาจะติดต่อหาซื้อทองคำแท่งจากบริษัทต่างๆ ในต่างประเทศ และนำส่งกลับไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์

จากการตรวจสอบยังพบว่า การฟอกคริปโตเป็นทองคำแท่งแต่ละครั้ง มีน้ำหนักทองไม่ต่ำกว่า 10 กิโลกรัม (มูลค้าประมาณ 33 ล้านบาท) และจากการตรวจสอบบัญชีคริปโตของผู้ต้องหา พบด้วยว่าตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2567 มีการรับเงินดิจิทัลสกุลต่างๆ  มูลค่าประมาณ 47,300,000 USDT (ประมาณ 1,650 ล้านบาท) เชื่อว่าเงินจำนวนนี้ถูกนำมาฟอกเป็นทองคำแท่งให้แก่แก๊งคอลเซ็นเตอรอีกด้วย

ภายหลังการสอบสวนจึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท.ดำเนินคดีต่อไป