
จังหวัดขอนแก่นเปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายค้ายาเสพติดในพื้นที่ 75 เป้าหมาย ตามนโยบายกระทรวงมหาดไทย จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดได้ 276 ราย ตรวจยึดยาบ้า 11,048 เม็ด ไอซ์ 36 กรัม อาวุธปืน 49 กระบอก ยึดทรัพย์ 1,683,080 บาท ด้าน “ผู้ว่าฯ” ฉะ “ผศ.ดร.” ค้ายาไอซ์ เป็นถึงครูอาจารย์แต่กลับทำเรื่องเสื่อมเสีย เตรียมเสนอสภามหาวิทยาลัยพิจารณาโทษ
23 กรกฎาคม 2568 ที่ห้องแก่นชัย ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วย พ.ต.อ.ถนอมสิทธิ์ วงษ์วิจารณ์ รองผู้บังการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลการเปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายค้ายาเสพติดตามที่กระทรวงมหาดไทยเอาจริง” ทุกพื้นที่ทั่วไทย บูรณาการทุกกลไก ปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด “No Drugs No Dealers ผนึกกำลังสร้างหมู่บ้านชุมชนปลอดยาเสพติด"
หลังจากที่ได้ทำการสนธิกำลังฝ่ายปกครองจังหวัด ตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น กอ.รมน. ปปส.ภาค 4 อาสาสมัคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการปิดล้อมตรวจค้น 75 เป้าหมายจับกุมผู้ค้ายาเสพติดทั้งรายใหญ่และรายย่อย รวมถึงการยึดและอายัดทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิด เพื่อทำลายเครือข่ายยาเสพติด พร้อมกันทุกพื้นที่ในเวลาเวลา 05.00 น. ที่ผ่านมา
โดยผลการเปิดปฏิบัติการในครั้งนี้ สามารถจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดได้ จำนวน 276 ราย แบ่งเป็นผู้เสพ 32 ราย ผู้ค้า 244 ราย ตรวจยึดยาบ้า 11,048 เม็ด ไอซ์ 36 กรัม อาวุธปืน 49 กระบอก เครื่องกระสุน 589 นัด ยึดทรัพย์ 1,683,080 บาท นอกจากนี้ยังสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับค้างเก่าได้อีก 39 ราย
นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ รัฐบาลมีเป้าหมายชัดเจนในการลดความเดือดร้อนของประชาชน โดยการดำเนินการกับผู้ผลิตและผู้ค้าอย่างจริงจัง พร้อมขอความร่วมมือจากทุกหน่วยงานในการร่วมบูรณาการ กำหนดยุทธวิธีที่รอบคอบ มีความปลอดภัย และดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การปราบปรามเกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง สำหรับจังหวัดขอนแก่นได้ดำเนินการตามยุทธการพิทักษ์ขอนแก่น ปราบปรามยาเสพติดอย่างต่อเนื่องในรอบสองปีมานี้มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ผลการปราบปรามยาเสพติดอยู่ในลำดับ 1 ของภาคและลำดับ 4 ของประเทศ
โดยผลจากการปฏิบัติการค้นหาผู้เสพ ผู้ค้า ด้วยวิธีการ Re x-ray ในช่วงปี 2568 มีเป้าเป้าผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด 8,588 ราย เป็นผู้เสพ 6,693 ราย ผู้ค้า 899 ราย ดำเนินคดีแล้ว 610 ราย ออกนอกพื้นที่ 1,145 ราย นอกจากนี้ยังได้ทำการตรวจสารเสพติดในปัสสาวะเจ้าหน้าที่รัฐและกลุ่มเสี่ยง รวมทั้งสิ้น 56,533 ราย พบเจ้าหน้าที่รัฐ และลูกจ้างภารกิจส่วนราชการ เสพสารเสพติด จำนวน 105 ราย กำนันผู้ใหญ่บ้าน จำนวน 3 ราย นักเรียน 13 ราย แรงงานในสถานประกอบการ 341 ราย พระสงฆ์ 42 ราย ทั้งหมดหากเป็นข้าราชการ ได้มีคำสั่งให้ออกจากราชการ พระสงฆ์ได้ให้ลาสิกขา และลูกจ้าง นำเข้าสู่การบำบัด
ทั้งนี้ผลการปิดล้อมตรวจค้นฯ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา จะพบว่า จำนวนยาเสพติดและของกลางที่ตรวจยึดได้ มีจำนวนน้อยลง เนื่องจากทางจังหวัดขอนแก่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีการปฏิบัติการตรวจค้นจับกุมมาอย่างต่อเนื่อง
ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ได้กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด สภ.เมืองขอนแก่น ได้นำกำลังเข้าจับกุมและตรวจค้นรถยนต์ ของ
ผศ.ดร. ซึ่งเป็นรองคณบดีคณะหนึ่ง ในสังกัดมหาวิทยาลัยขอนแก่น ในข้อหา "ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้ให้โทษประเภท1 (ยาไอซ์) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า" ว่า
กรณีนี้ตนเองได้รับทราบข้อมูลก็ตกใจ ปีที่แล้วถูกจับในข้อหาเสพไอซ์ แล้วเข้าสู่การบำบัด
แต่ปีนี้กลับผันตัวเป็นผู้ค้า ซึ่งล่าสุดได้มีหนังสือสอบถามไปยังต้นสังกัดแล้ว
ตนเองมองว่า คำว่าผู้เสพคือผู้ป่วย ไม่ควรนำมาใช้กับคนที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ อาจใช้กับชาวบ้านได้ แต่คนเป็นเจ้าหน้ารัฐต้องมีมาตรฐานและแนวปฏิบัติที่สูงกว่าปกติ
จะใช้คำว่าผู้เสพคือผู้ป่วยแล้วลอยหน้าลอยตารับราชการหรืออยู่ในหน่วยงานราชการถือว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสม
ถ้าเป็นชาวบ้านหรือเป็นนักเรียนเราพอฟังได้ว่าเขาคือผู้ป่วย เจ้าหน้าที่รัฐมีเงินเดือนกิน แต่ชาวบ้านทำงานกว่าจะได้เงินแต่ละบาท ตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่รัฐยังไม่ทำเรื่องไม่ดี ส่วนตัวเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัย
ซึ่งตนเองเป็นหนึ่งในกรรมการสถานศึกษา (มหาวิทยาลัยขอนแก่น) หากมีการประชุมกรรมการสภาฯ จะหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาเสนอให้ที่ประชุมพิจารณา เพราะผู้ถูกจับกุมเป็นถึงระดับนี้ (รองคณบดี) มันอายเขา เป็นถึงครูบาอาจารย์ ถามว่าเราจะกล้าปล่อยให้ลูกเราไปอยู่ในมือให้เขาสั่งสอน มองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควร