9 มิถุนายน 2568 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 ได้เรียกประชุมทีมสืบสวนจาก บก.สส.บช.ภ.1 กก.สส.จว.นนทบุรี และ สภ.ปากเกร็ด เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีเงิน 12 ล้านบาท
โดยภายหลังการประชุม พล.ต.ท.สุรพล เปิดเผยว่า คดีนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 4-5 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งจากพยานหลักฐาน ภาพคลิปวีดีโอ และภาพถ่ายที่นิติบุคคลเข้าไปถ่ายภาพเก็บไว้ตั้งแต่แรกที่ผู้เสียหายแจ้งว่าห้องพักมีเหตุท่อน้ำรั่ว ส่วนกล่องใส่เงินที่มีผู้ไปพบเห็นอีกครั้งตรงที่ทิ้งขยะซึ่งห่างกันแค่ชั้นเดียวนั้น เป็นกล่องชนิดเดียวกัน ซึ่งเจ้าของได้มาแสดงตัวแล้วด้วย
พล.ต.ท.สุรพล กล่าวต่อว่า ที่สำคัญคือต้องพิสูจน์การได้มาของเงิน จำนวน 12 ล้านว่ามีที่มาเป็นอย่างไร ตนจึงสั่งการให้ตั้งทีมขึ้นมาทำการสืบสวน โดยเน้นไปที่เรื่องการได้มาของเงินจำนวนดังกล่าว โดยจากหลักฐานตามที่ปรากฎคือ สายรัดเงินว่ามาจากธนาคารกสิกรไทย ตามหลักฐานทราบว่ามีการไปเบิกมาตั้งแต่เดือนพ.ค.2563 ซึ่งทีมสืบสวนก็จะใช้ตรงนี้เป็นตัวตั้งก่อนขยายไปทุกมิติให้ครบถ้วนว่า เงินจำนวนนี้เข้ามาที่ธนาคารได้อย่างไร ใครเป็นคนนำเข้ามา ด้วยวิธีการอย่างไร ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ และตัวผู้ไปเบิกออกมานั้นเป็นใคร เบิกด้วยวิธีการอะไร และเงินทั้งหมดมาอยู่ที่นายทวีวัฒน์ได้อย่างไร
เบื้องต้น ประเด็นต่างๆทางนายทวีวัฒน์ ก็ได้มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนไปแล้วค่อนข้างเยอะมาก และก็เป็นประโยชน์ที่ทางฝ่ายสืบสวนจะนำไปเดินต่อได้ และเมื่อนำเอาคำให้การของนายทวีวัฒน์ ไปร่วมกับข้อมูลจากทางธนาคาร ก็น่าจะทำให้การมีความชัดเจน และจะสามารถไปต่อถึงเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้องทั้ง ป.ป.ช.,ป.ป.ท. หรือ สรรพากร โดยตนสั่งการให้รายงานความคืบหน้าการสืบสวนเข้ามาทุกวันด้วย
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ตอนนี้สามารถยืนยันได้แล้วว่าเงิน 12 ล้านนั้นเป็นของนายทวีวัฒน์ แต่ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าที่มาของเงินจำนวนดังกล่าวนั้นได้มาจากไหน
พล.ต.ท.สุรพล กล่าวว่า เบื้องต้นเอาเป็นว่าเงินก้อนนี้อยู่ในลังที่เคยอยู่ในห้องของนายทวีวัฒน์ ต่อมาถูกเคลื่อนตัวลงมาอยู่ที่ข้างถังขยะ แต่เงินจำนวนนั้นจะมีที่มาอย่างไร ก็เป็นสิ่งที่ต้องพิสูจน์ทราบกันต่อไป ร่วมทั้งจากคำให้การของนายทวีวัฒน์ว่า ตนเองมีรายได้เข้ามาหลายทางนั้น มีข้อเท็จจริงเพียงไร ตรงไปตามคำให้การที่เคยให้ไว้หรือไม่