19 พฤษภาคม 2568 ความคืบหน้ากรณี การนำกำลังลงพื้นที่ วัดไร่ขิง จ.นครปฐม ของ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง อีกครั้งในวันนี้ เพื่อตรวจสอบบัญชีการเงินต่างๆ ของวัดอย่างละเอียด เพื่อนำมาวิเคราะห์ว่า ในแต่ละวันวัดจะมีเงินรายรับเข้ามาประมาณเท่าใด และมีรายจ่าย ที่เป็นค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง โดยมีการเชิญผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่างๆ มาสักถามชี้แจงข้อเท็จจริง
ซึ่งจากการตรวจสอบในวันนี้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบว่า การบริหารจัดการบัญชีธนาคารต่างๆ ของวัดไม่เป็นระบบที่แน่ชัด ถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วน ทำให้ยากต่อการตรวจสอบว่า บัญชีธนาคารของวัดทั้งหมดมีกี่บัญชี จึงจำเป็นต้องประสานธนาคารต่างๆ มาร่วมตรวจสอบข้อมูล
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้กระจายกำลังเดินสำรวจตรวจสอบยอดจำนวนตู้บริจาค ที่ตั้งอยู่ภายในพื้นที่วัดทั้งหมด เบื้องต้นพบว่ามีด้วยกัน 185 ตู้ ในช่วงวันปกติ ทางวัดจะมีเงินรายได้จากการหยอดตู้บริจาคของผู้ใจบุญ รวมไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท ต่อวัน แต่ถ้าหากเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ หรือ วันพระใหญ่ ที่มีผู้คน นักท่องเที่ยว เข้าวัดเป็นจำนวนมาก ยอดเงินบริจาคในตู้จะมียอดสูงกว่าวันปกติหลายเท่า บางวันได้มากถึงหลักล้านบาทเลยทีเดียว
ขณะที่ในส่วนของความคืบหน้าเกี่ยวกับการขยายผล เอาผิดผู้ร่วมกระทำผิดคนอื่นๆ เพิ่มเติม เบื้องต้นขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีอยู่ระหว่างพิจารณาพยานหลักฐานเกี่ยวกับพฤติกรรมของบุคคลใกล้ชิด นายแย้ม อดีตเจ้าอาวาส บางราย โดยเฉพาะ นางพชรพร หรือ “หมอเตย” และสามี ที่เชื่อว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสนับสนุน นายแย้ม ยักยอกเงินวัด
โดยจากแนวทางสืบสวนพบว่า หมอเตย และสามี ถือเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลต่อการบริหารจัดการวัดเป็นอย่างมาก รวมถึงยังเป็นคนที่ทำหน้าที่เก็บเงินค่าเช่าที่ร้านค้างานวัดงานประจำปีต่างๆ ของวัดไร่ขิง อีกทั้งรถยนต์ของวัดยังมีชื่อของ สามีหมอเตย เป็นผู้ครอบครองจำนวนหลายคัน
ทั้งนี้สาเหตุสำคัญที่ทำให้เจ้าหน้าที่เชื่อว่า บุคคลทั้งสองน่าจะมีส่วนเกี่ยวกับ นายแย้ม ในการยักยอกเงินวัดนั้น เนื่องจากมีการตรวจสอบพบว่า หมอเตย และสามี เคยนำเงินสด ที่เป็นเงินรายได้จากการเก็บค่าเช่าที่ร้านค้างานประจำปีของวัด ไปส่งมอบให้กับ นายแย้ม ภายในกุฏิ แต่ภายหลังกลับปรากฏว่าเงินค่าเช่าที่ดังกล่าว ไม่ได้ถูกนำเข้าสู่ระบบบัญชีธนาคารของวัดแต่อย่างใด ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีคณะใหญ่ เพื่อร่วมกันพิจารณาข้อเท็จจริง หากพบว่ามีการกระทำผิดแน่ชัด ก็จะเร่งดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
ขณะที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ รอง ผบช.ก. ที่นำคณะ เข้าตรวจสอบเส้นทางการเงินวัดไร่ขิงอีกครั้ง เพื่อขยายผลถึงการตรวจสอบเงินของวัดและเส้นทางเงินที่ถูกยักยอก หลังจากก่อนหน้านี้ เข้าเก็บเอกสาร บัญชี รายรับ รายจ่าย เงินบริจาคของวัด เเละ มูลนิธิต่างๆ ไปมากกว่า 10 ลัง ได้เปิดเผยว่า ได้นำทุกฝ่ายเข้ามาตรวจสอบ เข้ามาตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายย้อนหลัง 5 ปี เพื่อสร้างบรรททัดฐานใหม่ให้กับทางวัด หลังจากที่ทราบว่า บัญชีวัดมี 10 บัญชี ที่จะต้องมีการรายงานไปที่สำนักพุทธ เเต่มีการรายงานเเค่ 4 บัญชีธนาคาร จึงต้องตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมด นำข้อมูลไปประกอบในสำนวนการสอบสวน สำหรับบัญชีการบริจาค มีทั้งที่บริจาคให้กับเจ้าอาวาสโดยตรง และบริจาคให้กับทางวัด
สำหรับ หมอเตยและสามี ที่กุมบังเหียน รายได้เงินบริจาควัด ในเบื้องต้นพนักงานสอบสวนไปบ้างเเล้ว เเต่ยังต้องมีการตรวจสอบพยานหลักฐานต่อเนื่องว่า เป็นไปตามคำให้การจริงหรือไม่ เเต่เบื้องต้น การให้การนั้นยังไม่มีความขัดเจนหลายประเด็น เเต่ย้ำว่า ใครที่เข้ามาเกี่ยวข้องจะถูกดำเนินคดีทั้งหมด ส่วนการถ่ายเททรัพย์สิน หรือความเชื่อมโยงตัวละครต่างๆ ทางตำรวจสอบข้อมูลทั้งหมดเเล้วเ เต่ขอเวลาในการทำงาน
โดยทางคดีสอบปากคำไปแล้ว 10 กว่าปาก (รวมพระ ฆราวาส) รวมถึง หมอเตย ยังให้การอะไรไม่มาก แต่คาดว่าตัวของหมอเตย น่าจะรู้ความเคลื่อนไหวทางการเงินของทางวัด อีกทั้งคำให้การของหมอเตย ก็ยังคงไม่ตรงกับคำให้การของทางทิดแย้ม โดยจะมีการตรวจสอบอย่างละเอียด โดยเฉพาะเส้นทางการเงินว่า ระหว่างบัญชีวัด กับทางหมอเตย มีความเชื่อมโยงกันหรือไม่
ทั้งนี้ พระครูปฐมธีรวัฒน์ ผู้ช่วยช่วยอดีตเจ้าอาวาส พาพนักงานสอบสวน ป.ป.ท. เดินดูตู้รับบริจาคเงินของทางวัดทั้งหมด รวมถึงเซฟ รวมทั้งหมด 185 ตู้ โดยเฉพาะจุดสำคัญ บริเวณหน้าอุโบสถพระประทานหลวงวัดไร่ขิง โดยอธิบายว่า มีทั้งตู้บริจาคของทางวัด และตู้รับบริจาคต่างๆ รวมถึงมูลนิธิทางสังคมที่นำมาฝากไว้ในวัด ในทุกๆ เย็นก็จะมีการเปิดตู้นำเงินออกไปเก็บ
นักข่าวพยายามสอบถามปกติเเล้ว เจ้าอาวาสองค์ก่อน ให้พนักงานธนาคารเข้ามารับเงินวัดในทุกเย็น ใช่หรือไม่ ทิดเเย้ม ไม่ได้ทำเเบบเดียวกันหรือ รวมถึงทำไมถึงทางวัดปกปิดบัญชี ไม่ส่งรายงานให้สำนักพุทธถึง 6 บัญชี เเต่ทางผู้ช่วยอดีตเจ้าอาวาสไม่ตอบคำถาม ตอบเเค่ว่า ขอให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อน
อีกหนึ่งหนึ่งรายที่ถูกเรียกไปสอบปากคำ คือ เลขานุการเจ้าคณะภาค 14 และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไรขิง ที่ก่อนหน้านี้ตามข้อมูลชุดสืบสวน เป็นผู้โอนเงินจากบัญชีอดีตเจ้าอาวาสไปยัง น.ส.อรัญญาวรรณ และตามข้อมูลยังพบว่า ก่อนเจ้าอาวาสเข้ามอบตัวที่กองปราบ มีการถอยรถยนต์ออดี้ ป้ายเเดง 2 คัน มูลค่าคันละกว่า3 ล้าน เเต่ปัจจุบันไม่พบรถทั้ง2 คันเเล้ว นักข่าวพยายามตามหาเเต่ก็ยังไม่พบ
ผู้สื่อข่าวสอบถาม พระมหาขวัญชนก สิขาสโภ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ซึ่งเป็นหนึ่งใน พระที่มีผู้ให้ข้อมูลว่า เป็นพระที่สนิทกับเจ้าอาวาส เปิดเผยว่า ไม่เห็นพระวชิปัญญาภรณ์ หรือ พระอ๋อ เลขานุการเจ้าคณะภาค 14 ตั้งเเต่เรียไปสอบปากคำ ยังไม่กลับมา ส่วนท่านก็ไม่ใช่คนสนิท เเต่อยู่ในระดับกลางๆ ยืนยันว่า ไม่รู้เห็นเกี่ยวกับบัญชี นักข่าวถามว่า มีความกังวลบ้างหรือไม่ พระมหาขวัญชนก บอกว่า ตอนนี้ก็เป็นห่วง หลวงพ่อ (ทิดแย้ม) มากกว่า
รายงานระบุว่า เวลานี้หลายคนยังตามหา หมอเตย หลังจากที่เธอและสามีถูกตำรวจสอบสวนกลาง เรียกไปสอบปากคำเเล้ว เวลานี้ก็หายตัวเงียบเข้ากลีบเมฆ ปิดมือถือทุกเบอร์ ไปตามหาที่ค่ายเพลง บ้านที่สุโขทัยก็ไม่เจอตัว
นักข่าวตรวจสอบพบว่า หมอเตย มีชื่อจริงว่า พชรพร เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกลุมาหลายครั้ง มักใช้ตำแหน่งนำหน้าว่า ดร.พชรพร หรือ หมอเตย ใบเตย อายุ 52 ปี ส่วนสามีเป็นอดีตทหารเรือ ชื่อ รต.ฉัตรชัย หรือ ชุน ทั้งคู่มีธุรกิจที่เห็นเด่นชัด คือ ค่ายเพลงลูกทุ่ง ที่เข้ามารับงานในวัดไร่ของทุกครั้งที่มีการจัดงานตลอด 5 ปี ที่นายแย้ม เข้ามาเป็นเจ้าอาวาส
สาเหตุ ที่เรียกหมอ เพราะ สามีเก่าหมอเตย เป็นสัตว์เเพทย์ เจ้าคุณแย้มชอบเรียกมาฉีดวัคซีนให้สุนัข อดีตเจ้าคุณจึงเรียกหมอเตยตั้งเเต่นั่นมา
“หมอเตยเป็นตัวละครสำคัญ ผู้กุมบังเหียนรายรับ เงินบริจาควัด คุม ยันอดีตเจ้าอาวาส นอกคลิป อาบน้ำ โชว์ สยิว ส่งให้พระดู ของอรัญญาวรรณ ยังพบว่า มีคลิป ของหมอเตยที่เก็บไว้เเบล็คเมล์ด้วย โดย "หมอเตย" ใช้ อรัญญาวรรณ เดินเกม เป็นเครื่องมือ เป็นคนกำกับ สอนอรัญญาวรรณ ให้รีดเงินจากอดีตเจ้าคุณแย้ม”
เเหล่งข่าวที่เป็นตำรวจที่แฝงตัว เปิดเผยถึงมาเฟีย ที่คุมร้านค้า สวัสดิการ ร้านกาแฟ คือ หมอเตย หญิงที่เป็นสารตั้งต้น ดูเเลการบริหารจัดการเงินบริจาควัด จะชี้นำ ครอบงำได้ ไปยันอดีตเจ้าอาวาสได้ เพราะเป็นผู้กุมความลับของทิดแย้ม
หมอเตย ยังแต่งเพลงเชิญชวน ให้คนมาทำบุญ พานักร้องลูกทุ่งมาจัดเเสดงในงานประจำปี และ มีหน้าที่จัดการเงินของวัดไร่ขิง ออกอีเวนท์ จัดกิจกรรมให้วัดอย่างถี่ยิบ เพื่อให้มีคนมาวัด นำมาซึ่งรายได้การบริจาค ในวัดจะเรียกว่า หมอเตย เป็นขาใหญ่ ทุกคนจะเกรงใจ เเข็งข้อ อยู่ไม่ได้
โดย หมอเตย จากคนฐานะปานกลาง ตอนนี้ อยู่ระดับเศรษฐี สุโขทัย มีบ้านสไตล์รีสอร์ต รถยนต์ ทรัพย์สินจำนวนมากของวัด เป็นชื่อสามี นำเงินวัดไปซื้อ จัดฉากมีคนนำมาถวาย รถถูกนำไปเก็บไว้ที่จังหวัดสุโขทัยและมีที่ดินอยู่จำนวนมาก
รายงานระบุถึงความสัมพันธ์ หมอเตย กับ ทิดเเย้ม ถึงความแนบแน่นขนาดไหน จากการตรวจสอบพบว่า ก่อนทิดปย้มถูกจับ 1 วัน คือวันที่ 14 พฤษภาคม เป็นวันเกิดของ หมอเตย หมอเตยเข้ามาทำบุญที่วัดไร่ขิง ไปไหว้กุมาร อินทรณัฐ และขอพรจาก นายเเย้ม ขณะนั้น ยังเป็นเจ้าอาวาส มาร่วมให้พร และยังจัดเลี้ยงอาหารเพลให้กับพระ หนึ่งในนั้น พระแย้มร่วมฉันเพลงานเลี้ยงหมอเตยด้วย
13 พฤษภาคม นายเเย้ม ทำพิธี เคลื่อนย้าย ราหูร ดาวพฤหัส ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์นพเคราะห์ ในวาระที่ดาวพฤหัสบดีย้ายราศี ณ วัดไร่ขิงพระอารามหลวง อ.สามพราน จ.นครปฐม มีหมอเตย เเละ สามีร่วมอยู่ด้วย พร้อมกับ ศิษยานุศิษย์เข้าร่วมพิธี
11 พฤษภาคม 2568 ตรวจสอบพบว่า วันวิสาขบูชา วันที่ นายเเย้ม ปฏิบัติภารกิจของสงฆ์พิธีใหญ่ครั้งสุดท้าย วันวิสาขบูชา นายเเย้มเป็นประธาน พิธีเททองหล่อองค์หลวงพ่อวัดไร่ขิง หน้าตัก 32 นิ้ว ก่อนที่นายเเย้มจะไปพบกับตำรวจ 15 พฤษภาคม 2568
27 เมษายน 2568 ฤกษ์งาม ยามดี ทิดเเย้ม หมอเตย จัดพิธีตั้งศาลครูปะกำช้างและพระแม่ธรณีศรีประกายเพชร โดยพระธรรมวชิรานุวัตร (หลวงพ่อแย้ม) เจ้าคณะภาค 14 เจ้าอาวาสวัดไร่ขิงพระอารามหลวง เป็นประธานในพิธีพร้อมกับศิษยานุศิษย์เข้าร่วมพิธี
นอกจากนี้ยังพบว่า หมอเตย เเละ สามี นำรถมาถวาย ให้กับทางวัด ซึ่งตามรายงานจากชุดสืบสวน มีรถยนต์นำสิบคัน ที่จัดซื้อด้วยเงินวัด เเละ ใส่ชื่อ ของสามีหมอเตย ใช้เงินวัด เเละ สวมรอยทำทีว่ามีคนใจบุญนกมาบริจาคให้ ซึ่งจากรายงานการสืบสวนพบว่า มีการเคลื่อยย้ายทรัพย์สินรถยนต์ไปไว้ที่สุโขทัย อยู่ระหว่างการติดตามสืบทรัพย์สินของตำรวจ
ผู้สื่อข่าวได้รับข้อมูล จากหญิงสาวรายหนึ่งที่เคยคลุกคลีอยู่ในวัด รู้เรื่องความเน่าเฟะ ของเจ้าอาวาสมานานเเล้ว แต่ทำอะไรไม่ได้ ส่วนคนที่ชื่อ หมอเตย ก็มักจะใช้วิธีการกลั่นแกล้ง ไล่ให้คนงานออกจากวัด หากไปขัดขวาง หรือ กระด้างกระเดื่อง หรือ นำความลับออกไปพูด
พร้อมเเฉว่า เคยมาทำบุญ เมื่อวันที่ 5 พ.ค. ก็ถูกอดีตเจ้าอาวาส โน้มนาว จะให้เข้ามาพบ แต่หญิงสาว ที่ถูกชวน บอกว่ากลัวบาป ถ้าเป็นคนธรรมดา มาชวน เเล้วมีเงิน ก็ไปเเล้ว เเต่นี่เป็นพระ
นอกจากนี้ หมอเตย ยังอยู่ในกุฏิเดียวกับเจ้าอาวาส ซึ่งเจ้าอาวาสจะอยู่ชั้น 1 หมอเตย อยู่บนกุฏิ ของเจ้าอาวาส ใช้ชีวิตฟู่ฟ่า สั่งอาหารการกินกันมาเเต่ละครั้ง มือละ 5 พันบาท ไม่กินร้านอาหารธรรมดา จะสั่งจากร้านอาหารที่เป็นริมเเม่น้ำ เข้ามารับประทานกันบนกุฏิหรูหรา
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า นอกจากเงินบริจาคของทางวัดไร่ขิงที่ ทิดแย้มยักยอกเเล้ว ตอนนี้มีรายงานว่า เส้นทางการเงินยังเชื่อมโยงกับอีกหลายวัดในพื้นที่ ที่อดีตเจ้าคณะสงฆ์ดูเเลอยู่ รวมถึงเงินที่ทิดแย้มยืม ซึ่งอาจจะไม่ใช่เงินที่ยืมทั้งหมดแต่เป็นเงินการซื้อตำแหน่ง สมณศักดิ์ อาทิ เจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบล หลัก 3-8 ล้าน และเงินที่บางวัดให้กับทิดแย้ม ในรูปเเบบของการให้ เพื่อใช้ สร้างพระเหรียญ รุ่นต่างๆ หรือ พิธีพุทธาภิเษก โดย นายแย้ม จะเรียกเงินก่อนทุกครั้ง