
26 กุมภาพันธ์ 2568 ความคืบหน้า คดีที่สาวใช้ถูกนายจ้างลงโทษ ทำร้ายร่างกายโหด ก่อนหนีออกมาจากบ้าน แต่กลับถูกแจ้งความข้อหาลักทรัพย์ พร้อมขู่ว่ารู้จักกับตำรวจ สภ.บางกรวบ ผู้เสียหายจึงไปร้องขอความช่วยเหลือจาก “กัน จอมพลัง” และมาติดตามความคืบหน้าคดีที่ สภ.บางกรวย เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อช่วงบ่าย นายสุทธิพันธ์ บุญโปร่ง ทนายความของนายจ้าง ได้พา "นางสาวแบม" อายุ 22 ปี เพื่อนสาวใช้อีกคนที่ผู้เสียหายบอกว่า ขาดการติดต่อไป ขอให้ตำรวจช่วยเหลือ เกรงจะไม่ปลอดภัย มาแสดงตัวที่ สภ.บางกรวย โดยนางสาวแบม ยืนยันว่า ตนปลอดภัยดี และไม่มีใครติดต่อมา เนื่องจากผู้เสียหายเป็นฝ่ายบล็อกตนเอง มีเพียงตำรวจโทรแจ้งตนเอง ตนจึงมาพบตำรวจ โดยยืนยันว่า ตนทำงานกับนายจ้างคนนี้มาประมาณ 1 ปีแล้ว และไม่เคยถูกทำร้ายร่างกาย อาจมีโดนดุบ้างเวลาที่ทำงานผิดพลาด แต่ตนก็รู้ตัวว่าเป็นคนผิด
ส่วนที่ผู้เสียหายโดนทำโทษด้วยการตีหลายครั้ง ตามที่ปรากฎในภาพวงจรปิดนั้น ตนไม่เห็นเหตุการณ์ แต่เคยมีบางครั้งที่นายจ้างทำโทษผู้เสียหาย เนื่องจากผู้เสียหายทำให้สุนัขชิวาวาของนายจ้างป่วย และไม่ดูแลให้ดี เวลาป้อนยาป้อนอาหารก็มักจะบีบคอสุนัข จับกดหัว ทำให้อาการสุนัขไม่ดีขึ้น ซึ่งหลังจากที่ผู้เสียหายออกจากบ้านไป ตนเป็นคนดูแลสุนัข อาการก็ดีขึ้น
นอกจากนี้มีบางครั้งที่นายจ้างให้ผู้เสียหายถ่ายรูปกระเป๋าแบรนด์เนมเพื่อส่งให้ลูกค้าดู แต่ผู้เสียหายก็ไม่ยอมทำงาน เอาแต่เล่นโทรศัพท์ ซึ่งนายจ้างก็เคยเตือนหลายครั้งแล้ว ส่วนเรื่องเงินเดือน ตนก็ได้เงินจากนายจ้างตามปกติ แต่สำหรับกรณีของผู้เสียหายนั้น ก็คาดว่าได้รับเงินเดือนเช่นเดียวกัน และเวลานายจ้างให้เงินไปซื้อของ ก็มักจะเก็บเงินส่วนหนึ่งไว้ ไม่ได้คืนเงินทอนนายจ้างทั้งหมด
ยืนยันว่า นายจ้างไม่ได้ยึดบัตรประชาชนและโทรศัพท์มือถือ หรือห้ามติดต่อญาติพี่น้อง โดยก่อนหน้านี้ผู้เสียหายก็ยังยืมโทรศัพท์มือถือของตน โทรหาญาติพี่น้องบ่อยๆ ส่วนเรื่องทองนั้น มีบางเส้นที่นายจ้างให้ผู้เสียหายนำไปขายจริง แต่ทองที่หายไปเป็นคนละเส้นกัน”
ลูกจ้างรายดังกล่าว บอกอีกว่า สำหรับนิสัยใจคอของนายจ้าง ยืนยันเป็นคนจิตใจดี เวลาตนเองมีปัญหาอะไร ก็ช่วยเหลือมาตลอด ล่าสุดปู่ของตนเองถูกรถชนเสียชีวิต นายจ้างก็ช่วยติดตามคดี และดำเนินการเรื่องเรียกร้องเงินเยียวยาให้ เพียงแต่เป็นคนละเอียดเรื่องการทำงาน โดยในบ้านมีสาวรับใช้ 2 คน คือตนเอง และผู้เสียหาย ดังนั้นหลังจากนี้ตนเองก็กลับไปอยู่กับนายจ้างเหมือนเดิม เพราะไม่ได้มีปัญหาอะไรกับนายจ้าง และนายจ้างก็ดูแลดีมาโดยตลอด
ทั้งนี้นางสาวแบม ยังแฉด้วยว่า หลังผู้เสียหายออกจากบ้านไป ผู้เสียหายไปอยู่กับอดีตแฟนหนุ่มของตนเอง หลังจากที่ตนเองเลิกรากับอีกฝ่ายได้ประมาณ 4 เดือน และตนเองก็เพิ่งมาทราบเรื่องเมื่อคืนนี้ที่อีกฝ่ายโทรมาสารภาพ
ด้านนายสุทธิพันธ์ บุญโปร่ง ทนายความของนายจ้าง ยอมรับว่า เห็นคลิปที่นายจ้างตีผู้เสียหายหลายครั้งแล้ว ก็รู้สึกว่าเป็นพฤติกรรมที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ ซึ่งก็ได้พูดคุยกับนายจ้างแล้ว นายจ้างก็พร้อมยอมรับผิดและพร้อมเยียวยาให้กับผู้เสียหาย ส่วนสาเหตุที่ตีนั้น เกิดจากที่ผู้เสียหายตีสุนัขของนายจ้าง จนเป็นเหตุให้กระดูกสันหลังสุนัขมีปัญหา ต้องผ่าตัด เสียค่ารักษากว่า 2 แสนบาท จนกระทั่งตอนนี้อาการของสุนัขก็ยังไม่กลับมาเป็นปกติ
ส่วนกรณีสาดน้ำแกง ยืนยันว่าเป็นอาหารที่เตรียมไว้ถวายพระ ซึ่งนายจ้างค่อนข้างเข้มงวด เพราะต้องการถวายอาหารที่ดีที่สุดให้กับพระ แต่ผู้เสียหายกลับทำอาหารไหม้ จึงมีการเหวี่ยงอาหารทิ้ง และก็ไม่โดนผู้เสียหาย และไม่ใช่อาหารประเภทแกง แต่เป็นผัดผัก
ส่วนคดีลักทรัพย์นายจ้างนั้น จากการพูดคุยกับนายจ้าง ยังคงยืนยันว่ามีทรัพย์สินเป็นทองหายไป และภายในบ้านมีอยู่กันเพียงไม่กี่คน ไม่มีบุคคลภายนอกมาที่บ้าน เมื่อทรัพย์สินหายไปในช่วงเวลาที่ผู้เสียหายออกจากบ้านไป นายจ้างย่อมสงสัยได้ ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการสืบสวนของตำรวจ
ส่วนที่ผู้เสียหายอ้างว่าไม่ได้เงินเดือนนั้น เชื่อว่าไม่เป็นความจริง แต่ลักษณะการจ่ายเงิน จะเป็นการที่ผู้เสียหายเก็บเงินทอนเวลาไปซื้อของให้นายจ้างไว้ และนายจ้างก็จะหักเงินนั้นออกจากเงินเดือนที่ต้องจ่าย หรือเวลาที่ผู้เสียหายมาเบิกเงิน นายจ้างก็ให้ ส่วนประเด็นเงินก้อน 2 แสน 7 หมื่นบาทนั้น เป็นเงินก้อนที่นายจ้างเคยพูดคุยว่าอีก 3 ปี จะเลิกทำธุรกิจ และจะจ่ายเงินชดเชยดังกล่าวให้ พร้อมรถมือ 2 อีก 1 คัน เพื่อให้ไปตั้งต้นชีวิตใหม่ แต่ผู้เสียหายต้องทำงานต่อไปอีก 3 ปี
ทั้งนี้จากการพูดคุยกับนายจ้าง รู้สึกได้ว่านายจ้างรักผู้เสียหายมาก เมื่อผิดก็อบรมสั่งสอน และยังส่งเสียให้เรียนหนังสือ ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา นายจ้างก็เพิ่งพาลูกจ้างทั้ง 2 คน ไปเที่ยวพูลวิลล่า ซึ่งก็เที่ยวกันตามปกติ ยิ้มแย้มแจ่มใส แต่เมื่อเกิดเรื่องขึ้น สภาพจิตใจของนายจ้างก็ค่อนข้างเครียด
ด้าน พันตำรวจเอกกิตติศักดิ์ พงศ์ธนารักษ์ ผู้กำกับการ สภ.บางกรวย เปิดเผยว่า คดีนี้เป็นคดีที่มีพยานหลักฐานค่อนข้างชัดเจน มีกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ และเห็นผู้เสียหายกำลังหยิบของบริเวณที่นายจ้างอ้างว่าเก็บทรัพย์สินไว้ จากนั้นผู้เสียหายก็หนีออกจากบ้านไป ทำให้เป็นเหตุอันควรสงสัยให้ไปขอศาลออกหมายจับในข้อหาลักทรัพย์นายจ้างได้ แม้จะเห็นภาพทรัพย์สินไม่ชัด ส่วนกรณีที่จับกุมผู้เสียหาย ไม่ใช่ตำรวจของ สภ.บางกรวยไปจับ เป็นตำรวจหน่วยอื่นที่จับกุมตามหมายจับที่ปรากฎในระบบ และไม่ได้มีการไปค้นห้อง ซึ่งขณะนี้ชุดสืบสวน สภ.บางกรวยกำลังไล่กล้องวงจรปิดเพื่อตรวจสอบเส้นทางหลังเกิดเหตุ และค้นหาทองที่หายไป
ส่วนเจ้าของคดีนั้น คือ สารวัตรสอบสวน เป็นตำรวจที่ตั้งใจทำงาน รวดเร็ว ตอบโจทย์ประชาชน การที่ตำรวจทำงานเร็วและถูกโยนข้อหาแบบนี้ ก็ทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดี แต่เมื่อ "กัน จอมพลัง" ขอให้เป็นคนดูแลคดีที่นายถูกแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยการทรมาน หรือทารุณโหดร้าย , ข่มขืนใจผู้อื่นฯ ตำรวจนายนี้ก็พร้อมดำเนินการให้ ยืนยันเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย และเป็นธรรม
ส่วนการให้ประกันตัวนายจ้าง ก็เป็นไปตามระเบียบและขั้นตอน เมื่อมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ก็ให้ประกันตัวไป ส่วนการให้ประกันตัวผู้เสียหายในชั้นพนักงานสอบสวน 40,000 บาทนั้น ผู้เสียหายและนายจ้างเป็นคนคุยกันเอง เมื่อผู้เสียหายยินยอม ไม่มีข้อขัดแย้ง พนักงานสอบสวนก็ให้ประกัน ยอมรับว่าเป็นเรื่องแปลกที่นายจ้างเป็นคนประกันตัวให้คนที่ตัวเองแจ้งความ แต่ก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งผู้เสียหายก็บอกว่าจะไปอยู่ที่บ้านเพื่อนที่มีที่อยู่ติดต่อได้ ไม่ได้กลับไปบ้านนายจ้าง ส่วน "กัน จอมพลัง" นั้นแจ้งว่ าจะไปยื่นประกันในชั้นศาล ไม่ใช่ชั้นพนักงานสอบสวนตามที่ให้ข่าว
พร้อมยืนยัน ตำรวจคนนี้ก็ไม่ได้รู้จักกับนายจ้างเป็นการส่วนตัว ส่วนตำรวจนายอื่น ตัวนายจ้างอาจเคยมาแจ้งความบ้าง แต่ก็เป็นการมาพบตามปกติ ตำรวจเป็นคนของประชาชน สามารถที่จะรู้จักกับประชาชนคนใดก็ได้ แต่ไม่พบว่ามีความสนิทสนมเป็นการส่วนตัว