svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

DSI เตรียมจำลองเหตุคดี "แตงโม" มีมติเรียก "อัจฉริยะ" และพวกให้ข้อมูล

DSI ประชุมชุดสืบสวนคดี "แตงโม นิดา" นัดแรก เพื่อวางกรอบทำงาน พิจารณาหลักฐาน เตรียมลงพื้นที่จำลองเหตุการณ์ พร้อมเรียกผู้เกี่ยวข้องให้ข้อมูล ย้ำไม่ใช่การรื้อฟื้นคดี

24 มกราคม 2568 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวคณะสืบสวนคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม นัดหมายคณะพนักงานสืบสวน 29 คน ประชุมครั้งที่ 1 เพื่อกำหนดทิศทางและวางกรอบการสืบสวน สำหรับการแสวงหาพยานหลักฐาน ข้อมูล ข้อเท็จจริง ตามที่ได้มีผู้ร้องเกี่ยวกับกรณีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ภายหลังมีการอนุมัติการสืบสวน เลข สส.20/2568 โดยอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ

พ.ต.ต.ณฐพล เปิดเผยก่อนการประชุม ว่า สำหรับวาระการประชุมในวันนี้ จะมีการแบ่งหน้าที่กันทำงาน ภายในคณะสืบสวน หรือเรียกว่ากำหนดวิธีการสืบสวนสอบสวน เพื่อตรวจสอบข้อมูลตามที่ได้มีการสืบข้อมูลมา โดยเฉพาะจะเน้นไปที่การตรวจสอบตามหลักนิติวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อาทิ เรื่องตำแหน่ง GPS บนเรือ เพื่อหาความเกี่ยวข้องของบุคคลอื่น รวมทั้งจะกำหนดกลุ่มพยานเพื่อสอบปากคำ เช่น พยานผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวช เป็นต้น
DSI เตรียมจำลองเหตุคดี "แตงโม" มีมติเรียก "อัจฉริยะ" และพวกให้ข้อมูล
 

โดยการแบ่งหน้าที่กันทำงานนั้น เพื่อจะได้วางกรอบกันว่า เจ้าหน้าที่แต่ละรายจะเอาหลักฐานมาจากไหนบ้าง เพื่อนำไปตอบคำถามประเด็นต่าง ๆ ของผู้ร้อง (ภาคประชาชน) และนอกเหนือจากการสืบสวนภายในราชอาณาจักรแล้ว ในช่วงปลายเดือน ก.พ.นี้ ตนและคณะทำงานจะมีการเดินทางไปยังต่างประเทศในหลาย ๆ ประเทศอีกด้วย เพื่อไปเอาข้อมูลภายในโทรศัพท์ของแตงโม และบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในคดี ไม่ว่าจะอยู่บนเรือหรือนอกเรือก็ตาม

เนื่องด้วยพบว่า ข้อมูลหลายอย่างถูกเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ระบบ Cloud หรือคลาวด์ ของผู้ให้บริการนั้น ๆ โดยเราจะใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ. 2535 หรือ MLAT เพื่อให้ได้ข้อมูลมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และใช้สามารถใช้เป็นพยานหลักฐานได้

DSI เตรียมลงพื้นที่จำลองเหตุ
 

พ.ต.ต.ณฐพล เผยอีกว่า ยังมีวาระการประชุมเรื่องการคุ้มครองพยานด้วย เพราะบุคคลใดที่รู้เห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ แล้วต้องมาให้ปากคำกับดีเอสไอในฐานะพยานรายสำคัญ เราจะมีมาตรการคุ้มครองพยานด้วย ส่วนกระบวนการสืบสวน โดยการสอบปากคำพยานรายอื่น ๆ ของนั้น คณะสืบสวนจะได้มีการกำหนดกลุ่มพยาน โดยเฉพาะกลุ่มพยานแรก คือ พยานริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีทั้งกลุ่มคนที่รู้เกี่ยวกับภาพจากกล้องวงจรปิด  หรือเห็นเหตุการณ์ใด ๆ ในวันเกิดเหตุ จะได้ประมวลเรื่องได้ว่า มันตรงกับภาพข่าวที่มีการนำเสนอจริงหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มผู้ร้องได้แจ้งว่า จะมีการนำพยานอีกหลายกลุ่มเข้ามาให้คณะสืบสวนได้ทำการสอบปากคำ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลข้อเท็จจริงต่าง ๆ อีกหลายประเด็น ดังนั้น การที่ดีเอสไอจะลงพื้นที่ไปบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาสถานที่เกิดเหตุ ก็เป็นเหมือนการไปตรวจที่เกิดเหตุ เพื่อมาประกอบกับการให้ถ้อยคำของพยานแต่ละราย โดยจะมีการล่องเรือโดยดีเอสไอเอง และจะมีการใช้เครื่องมือพิเศษด้วย และเราจะประสานไปยังภาคเอกชน ที่มีเครื่องมือที่จะมาตรวจสอบความถูกต้องด้วย เพราะเราต้องให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ข้อมูลทุกอย่างต้องได้มาอย่างถูกต้อง

พ.ต.ต.ณฐพล เผยต่อว่า สำหรับกรอบการสืบสวนคดีนั้น มีระยะเวลา 6 เดือนจริง แต่สามารถขยายระยะเวลาต่อได้อีก ซึ่งอาจจะไม่ได้ใช้เวลาสืบสวนแสวงหาพยานหลักฐานข้อเท็จจริงถึง 6 เดือนก็เป็นได้ เพราะเราได้ระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายด้านเข้ามาช่วยเหลือ

เมื่อรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงเสร็จสิ้นแล้ว จะได้มีการประมวลเรื่อง เสนอไปยังอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
 

ย้ำว่าการสืบสวนครั้งนี้ของดีเอสไอจะไม่เป็นการไปยุ่ง หรือเกี่ยวข้องกับบุคคลที่ถูกดำเนินคดีในสำนวนหลัก ซึ่งอยู่ระหว่างกระบวนการชั้นศาล เพราะจะมุ่งเน้นสืบสวนไปที่มีการร้องขอว่า “มีกลุ่มที่บิดเบือนในการกระทำครั้งนี้ หรือมีการสร้างพยานหลักฐานเท็จหรือไม่ อย่างไร”
 

ทั้งนี้ ที่เราต้องเน้นไปที่กระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ เพราะเราได้ตรวจสอบแล้ว มีการสงสัยเรื่องผลตรวจนิติเวช เรื่องของมีเลือดออกที่กกหูสองข้าง และมีตัวยาบางตัวที่เราสงสัยว่าอาจเกี่ยวข้องกับกลุ่มต่าง ๆ

พ.ต.ต.ณฐพล ระบุว่า คณะสืบสวนได้เก็บข้อมูลเรื่องคลิปวิดีโอต่าง ๆ ในโซเชียลนำมาวิเคราะห์ และพิสูจน์ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เพราะคนที่นำเสนอข้อมูลมีในโซเชียลเยอะมาก และมีการบอกว่า ตัวเองเป็นผู้ถ่ายภาพหรือจัดทำภาพ ดังนั้น เราจะพิสูจน์ทั้งหมดเพื่อให้สังคมเข้าใจรู้ว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร

ขณะที่ นายไกรศรี สว่างศรี ผอ.ส่วนแผนที่และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ในส่วนของเลเซอร์สแกนนั้น เป็นเครื่องมือสแกนภูมิประเทศแบบ 3 มิติ เป็นคลื่นเลเซอร์ ซึ่งสามารถเก็บภูมิประเทศจริง และจำลองออกมาเป็นดิจิตอลได้ภาพเสมือนจริง ก่อนนำมาวิเคราะห์ในระบบคอมพิวเตอร์ ที่เป็นพิกัดเดียวกับเรือ โดยเราจะสแกนตามลำน้ำทั้งหมด เพื่อนำมาผ่านกระบวนการคอมพิวเตอร์ เพื่อหาพิกัดแบบภูมิศาสตร์ และจะนำมาตรวจสอบกับพยานหลักฐานต่าง ๆ เช่น คลิปวิดีโอ ภาพถ่าย ซึ่งเป็นเทคนิคที่ดีเอสไอนำมาใช้ในการตรวจสอบ

ทั้งนี้ สำหรับการใช้เลเซอร์สแกน เราจะเริ่มตรวจสอบพิกัดตั้งแต่ร้านอาหารบ้านตานิด ไปจนถึงจุดสะพานพระราม 8 โดยทั้งสองฝั่งแม่น้ำเราจะเก็บข้อมูลทั้งหมด และจะทำงานร่วมกับการบินโดรน อย่างไรก็ตาม การใช้เลเซอร์สแกน 3 มิติ ค่อนข้างมีความแม่นยำสูงในระดับเซนติเมตรหรือน้อยกว่านั้น คือระดับมิลลิเมตร เพราะเป็นการสแกนทุกจุดของวัตถุต่าง ๆ โดยละเอียด
DSI เตรียมจำลองเหตุคดี "แตงโม" มีมติเรียก "อัจฉริยะ" และพวกให้ข้อมูล
 

DSI มีมติเรียก ‘อัจฉริยะ‘ และพวก ให้ข้อมูลคดี ‘แตงโม’
 

ภายหลังการประชุม พ.ต.ต.ณฐพล เปิดเผยว่า ในห้วงสัปดาห์หน้า คณะพนักงานสืบสวนจะมีการเชิญในส่วนของผู้ร้อง เพื่อเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติม และทราบว่าทางผู้ร้องอยู่ระหว่างการประสานพยานบุคคลอื่นๆ เพื่อเข้าให้ข้อมูลกับเรา รวมไปถึงพยานสำคัญ โดยเราจะมีมาตรการคุ้มครองพยาน เพื่อให้บุคคลกล้าเข้ามาให้ปากคำด้วย ยืนยันว่า เราจะดำเนินการสืบสวนโดยไม่ให้กระทบกับสำนวนคดีหลัก ที่อยู่ในระหว่างกระบวนการชั้นศาลแน่นอน เรียกว่าจะเป็นการสืบสวนนอกสำนวนคดีอาญา ที่ดำเนินการอยู่แล้วทั้งหมด
 

ย้ำว่า ไม่ใช่การรื้อฟื้นคดี
 

พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวต่อว่า การสืบสวนจำเป็นต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จ ก่อนกระบวนการชั้นศาลในส่วนของคดีหลัก ซึ่งการสืบสวนของดีเอสไอไม่เกี่ยวข้องกับคดีหลัก เพราะเรื่องนี้เป็นการสืบสวนที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีเดิมทั้งสิ้น เพราะจะเป็นเรื่องใหม่ ตามที่ผู้ร้องได้ร้องว่า มีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมและขอให้เราตรวจสอบกลุ่มบุคคล และหากพบว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องนั้น ก็เป็นไปตามกรอบกฎหมาย ถ้ามีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องจะเป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. ที่ดำเนินการต่อไป

นอกจากนี้ ยังมี นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์, นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล พร้อมผู้เข้าประกวด มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2025 เดินทางมายัง DSI เพื่อรับฟังความคืบหน้าหลังรับ คดีการเสียชีวิต น.ส.นิดา โดยนายปานเทพ ระบุว่า มาเพื่อแสดงความขอบคุณ และติดตามความคืบหน้าคดี และทางเรายินดีที่จะให้ความร่วมมือ เพราะจะมีการเรียกพยานไปให้ข้อมูล

อีกทั้ง ประเด็นสำคัญของคดีนี้คือ พยานหลักฐานที่มีความยาก เนื่องจากคดีเกิดขึ้นมาแล้วหลายปี ดังนั้นหากประชาชนมีข้อมูล หรือมีการเก็บพยานหลักฐานในช่วงที่เกิดเหตุ ขอให้นำมามอบให้ทางดีเอสไอ เพื่อช่วยในการหาความจริงของการเสียชีวิตของ แตงโม

นายปานเทพ ย้ำว่า การสืบสวนขณะนี้จะเน้นเป็นในเรื่องของการละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ หรือการปฎิบัติที่โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ เพียงเท่านั้น ซึ่งไม่กระทบต่อคดีหลัก ตนขอให้ทุกคนเข้าใจว่าทางเรารู้ขอบเขตของกฎหมายดี อย่างไรก็ดี หลังจากนี้ทางภาคประชาชน จะมีการทดสอบเรื่องแสง และเงา พร้อมย้ำว่า ผลการทดสอบการตกเรือที่ผ่านมา ไม่ใช่ละครเกรดบี 
DSI เตรียมจำลองเหตุคดี "แตงโม" มีมติเรียก "อัจฉริยะ" และพวกให้ข้อมูล