ช็อกกลางทะเล! นทท. จับลูกชายวัย 13 โยนลงทะเลดับ กัปตันเผยเหตุการณ์
ช็อกกลางทะเล! นทท. ชาวรัสเซีย อุ้มลูกชายวัย 13 โยนลงทะเลเสียชีวิต ต่อหน้า นทท. กว่า 30 คน กัปตันเล่านาทีเกิดเหตุ
24 มกราคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2568 เวลา 16.00 น. ตำรวจ สภ.คุระบุรี จ.พังงา รับแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่ประจำเรือท่องเที่ยวหมู่เกาะสุรินทร์ ว่า มีเหตุคนตกเรือได้รับบาดเจ็บ และกำลังจะนำตัวผู้บาดเจ็บจากจุดเกิดเหตุ ห่างจากเกาะระ หมู่ 3 ต.เกาะพระทอง อ.คุระบุรี จ.พังงา ประมาณ 200 เมตร เพื่อมาขึ้นที่ท่าเรือคุระบุรี หมู่ 3 ต.คุระ อ.คุระบุรี จ.พังงา
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เดินทางไปยังท่าเรือดังกล่าว เมื่อไปถึงพบผู้บาดเจ็บสาหัส คือ ด.ช.ลูคัส อายุ 13 ปี ลูกครึ่งไทย ชาว จ.นครพนม เจ้าหน้าที่มูลนิธินำตัวส่งโรงพยาบาลคุระบุรีชัยพัฒน์ แต่พบว่าเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ประจำเรือ ได้ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุ คือ Mr.Artem นักท่องเที่ยว ชาวรัสเซีย อายุ 45 ปี พ่อของ ด.ช.ลูคัส ที่จับลูกโยนลงทะเล ตั้งใจทำให้ตกจากเรือจนเสียชีวิต ก่อนนำตัวไปสอบสวนที่ สภ.คระบุรี
จากการสอบสวนกัปตันเรือ ให้การว่า ได้นำนักท่องเที่ยวกลับมาจากหมู่เกาะสุรินทร์ จำนวน 33 คน เป็นคนไทย จำนวน 17 คน ต่างชาติ จำนวน 16 คน มีเจ้าหน้าที่ประจำเรือ จำนวน 5 คน ออกเรือมาจากเกาะสุรินทร์ เวลาประมาณ 15.00 น. และได้แล่นเรือมาเกือบจะถึง หมู่เกาะระ-เกาะพระทอง ห่างจากฝั่งประมาณ 200 เมตร เพื่อที่จะนำเรือมาจอดเพื่อส่งนักท่องเที่ยว ประมาณ 4 กิโลเมตร
ระหว่างนั้น สังเกตเห็น Mr.Artem ลุกออกจากที่นั่งโดยสาร แล้วเดินไปหา ด.ช.ลูคัส ลูกชาย แล้วใช้มือทั้ง 2 ข้างรวบขาและลำตัวอุ้มขึ้น แล้วใช้ลำตัวดัน และผลักตัว ด.ช.ลูคัสให้ตกเรือ ลงบริเวณแคมเรือด้านซ้ายใกล้หัวเรือ จนตกลงในทะเล จากนั้น Mr.Artem ได้กระโดดตามลงไป ทางกัปตันจึงรีบหยุดเรือ และขับวนเพื่อไปช่วยเหลือ บุคคลทั้งสอง แต่ Mr.Artem ไม่ยอมรับความช่วยเหลือ และไม่ยอมขึ้นเรือ กัปตันจึงได้ขับเรือไปที่จุดที่ ด.ช.ลูคัส ลอยอยู่
หลังจากทางลูกเรือกระโดดลงไปเพื่อช่วยเหลือ ด.ช.ลูคัส ขึ้นมาทางท้ายเรือ และปฐมพยาบาลเบื้องต้น พบว่าได้รับบาดเจ็บและมีบาดแผลที่ใบหน้าและศีรษะอาการสาหัส คาดว่าน่าจะเกิดจากใบพัดของเรือ จึงได้ขับเรือเพื่อมาขึ้นฝั่งที่ท่าเรือคุระบุรี เพื่อนำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลคุระบุรีชัยพัฒน์
จากการรวบรวมพยานหลักฐาน และคำให้การของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ มีหลักฐานอันควรเชื่อว่าเป็นผู้กระทำความผิดและเป็นบุคคลต่างด้าว อาจจะหลบหนีออกนอกประเทศได้ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา Mr.Artem ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พร้อมแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ และจากการสอบถามโดยผ่านล่าม ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ตลอดข้อกล่าวหา