
23 สิงหาคม 2567 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี นำโดย พล.ต.ต.ปรารถนา แผ่นผา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี รวมกำลังพลทั้งชุดสืบสวน หน่วยปฎิบัติการพิเศษ และสายตรวจกว่า 100 นาย เพื่อเข้าบุกค้น ภายในมหาวิทยาเทคโนโลยีชื่อดังแห่งหนึ่ง ย่านนนทบุรี หลังมีคดีที่รุ่นน้องถูกรุ่นพี่รับน้อง ทำร้ายร่างกายและบังคับขู่เข็น จนแจ้งความตำรวจเป็นข่าวใหญ่
พร้อมด้วย ดร.จันทร์เพ็ญ เมฆาอภิรักษ์ รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม , น.ส.สุชาดา แทนทรัพย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม , นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กันจอมพลัง และผู้เสียหาย เดินทางเข้าตรวจสอบพร้อมชี้จุดต่างให้กับเจ้าหน้าที่ ในมหาวิทยาลัยดังกล่าว
ต่อมาเจ้าหน้าที่และกำลังพลได้เข้าไปตรวจสอบภายในมหาวิทยา ซึ่งทางมหาวิทยาลัยไม่อนุญาติให้สื่อมวลเข้าไปเก็บภาพแต่อย่างใด แต่อนุญาติให้อยู่เพียยงด้านนอกมหาลัยเท่านั้น
โดยบรรยากาศบริเวณหน้ามหาลัย ยังมีนักศึกษาเดินทางเข้าเรียนปกติ แต่มีการตรวจบัตรนักศึกษาและอาวุธบริเวณป้อมยามทางเข้ามหาลัยอย่างละเอียด
ต่อมา กัน จอมพลัง ออกมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน ว่า การปฎิบัติการวันนี้ ตัวเองได้พูดคุยกับทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี เพราะมีบุคคลบางกลุ่มยังติดใจอยู่ จึงต้องปรามให้ทำให้เป็นตัวอย่าง ซึ่งเมื่อเช้านี้กำหนดการคลาดเคลื่อน เนื่องจากประสานกับทางวิทยาลัย ซึ่งทางมหาวิทยาลัยให้เจ้าหน้าที่นำหนังสือเข้ามา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ดำเนินการให้ แต่เมื่อนำเอกสารมาให้เซ็น ทางมหาลัยก็อ้างว่าท่านอธิการบดีไม่อยู่
จึงมีการเจรจารรระหว่างเจ้าหน้าที่กับทางมหาวิทยาลัย โดยเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ใช้มาตราการของเจ้าหน้าที่ จึงทำให้การเข้าตรวจค้นในวันนี้ล้าช้าไปกว่า 2-3 ชั่วโมง กว่าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าไปตรวจสอบได้ แต่ทางมหาวิทยาลัยยังไม่อนุญาตให้สื่อมวลเข้าในพื้นที่ จนกระทั่งมีการประสานเลขาธิการ อ.ว. ทางสถานบันจึงให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและยอมให้สื่อมวลเข้าไปในพื้นที่
ส่วนเรื่องอาวุธนั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบของ ผกก.สภ.นนทบุรี ต้องรอให้ทาง ตำรวจ สภ.นนทบุรี มาชี้แจงอีกครั้งหรึ่ง การปฎิบัติการวันนี้ถือว่าเป็นการตักเตือน เพราะสิ่งที่ท่านบอกว่ารักสถาบัน แต่ท่านทำให้สถาบันเสื่อมเสียแบบนี้ท่านรักสถาบันจริงหรือไม่ เพราะสถาบันได้รับผลกระทบ และหลังจากนี้หากใครอ้างสถาบัน การปฏิบัติการครั้งนี้คือตัวอย่าง
ต่อมาภายจากที่ มีการเข้าตรวจค้นนานกว่า 40 นาที
พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี เปิดเผยว่า จากการตรวจค้นอาวุธ ปรากฎว่าพบ มียาว มีลักษณะเก่า อยู่บริเวณหลังมหาวิทยาลัย 1 เล่ม แต่ไม่พบอาวุธอื่นๆ ซึ่งการปฎิบัติการครั้งนี้มีการตรวจค้นอย่างละเอียดทุกตารางนิ้ว แต่ที่มีการตรวจค้นครั้งที่แล้วพบอาวุธมากกว่านี้ ซึ่งการกระทำในวันนี้เป็นการ ป้อมปราม สร้างความเชื่อมั่นใหักับ ผู้ปกครองและนักเรียน รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการทำความร่วมมือกับทางมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตรวจค้นอาวุธ รวมถึงเรื่องพฤติกรรมของเด็กทุกคน
ขณะที่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พัชระ กัญจนกาญจน์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ และสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ชี้แจงว่า ความจริงแล้วทางมหาวิทยาลัยไม่ได้มีการห้ามทีมข่าวเข้าพื้นที่ แต่เป็นการสื่อสารกันคลาดเคลื่อน เพราะทางมหาวิทยาลัย เกรงกลัวว้าจะมีกลุ่มคนแอบแฝง แอบอ้างเข้ามาด้วย จึงต้องใช้เวลาตรวจสอบ ยืนยันว่าไม่ได้มีการปิดบังหรือกีดกัน ทีมข่าว
พร้อมยืนยันว่า บุคคลากรในมหาวิทยาลัยไม่ได้มีการสนับสนุนให้มีกิจกรรมรับน้อง ซึ่งทางมหาวิทยาลัยได้มีการห้ามปรามในกิจกรรมดังกล่าว รวมถึงมีกฎระเบียบกติกาของทางมหาวิทยาลัย หากพบว่ามีการจัดกิจกรรมหรือมีพฤติกรรมดังกล่าว จะมีการไล่ออกทันที เนื่องจากเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับของมหาวิทยาลัย แต่หากมีการทำกิจกรรมรับน้องนอกมหาวิทยาลัย ทางสถาบันต้องยอมรับว่าอาจจะไม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง เพราะเท่าที่ทราบมา มีคนนอกร่วมกิจกรรมดังกล่าวด้วย ยืนยันว่า ก่อเหตุทั้ง 7 คน ยังคงมีสถานะเป็นนักศึกษาอยู่
ส่วนในเรื่องของการพกอาวุธเข้าไปในห้องเรียนตามกระแสข่าวที่ปรากฎ เบื้องต้น ทางมหาวิทยาลัยยังไม่เคยพบว่า การพกอาวุธเข้ามาภายในมหาวิทยาลัย และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ไม่พบอาวุธ เพราะไม่ได้ตรวจค้น หรือ ไว้ใจนักศึกษา ทางคณบดี ตอบดลับทันทีว่า ทั้ง 2 อย่าง ส่วนกรณีที่นักศึกษามีการอ้างถึงประเพณีวัฒนธรรมในการรับน้องในยุคสมัยอดีตนั้น ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว แนวคิดแบบนั้นควรที่จะยกเลิกไปได้แล้ว ควรที่จะมีวิธีการอื่นในการดูแลรุ่นที่ดีต่อกัน เพราะอยากให้มองถึงปัจจุบัน และทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดแล้ว
ขณะเดียวกัน บริเวณหน้ามหาวิทยาลัย มีการติดป้ายประกาศชัดเจนว่า "ห้ามจัดกิจกรรมต้อนรับน้องใหม่และประชุมเชียร์ โดยบอกกฎอย่างชัดเจน
โดยมีข้อห้าม 7 ข้อ
1.ห้ามจัดกิจกรรมต่าฃๆ ภายในมหาวิทยาลัยโดยไม่ผ่านการได้รับอนุญาติจากอธิการบดี
2.ห้ามบังคับขู่เข็นให้น้องเข้าร่วมกิจกรรมโดยไม่สมัครใจ และไม่ได้รับอนุญาติจากผู้ปกครอง
3.ห้ามมีการดื่มสุรา เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรือสาเสพติดทุกประเภททั้งก่อนจัดกิจกรรม ระหว่างกิจกรรม และหลังจัดกิจกรรม
4.จัดกิจกรรมเกิน 3 วัน ในหนึ่งสัปดาห์ และเลยช่วงระยะเวลา 16.00 - 18.00 น. ส่งเสียงดังหรือ
ตะโกนด้วยด้วยถ้อยคำไม่สุภาพ
5.มีการข่มขู่ใช้ความรุนแรง ลามก อนาจาร ในลักษณะที่เป็นอันตราย ต่อร่างกาย และบีบคั้น หรือกดดันทางจิตใจ
6.กรณีทำความผิดหลายข้อ มีโทษพักการศึกษารวมกันเกิน 2 ภาคการศึกษา
7.ห้ามจัดกิจกรรมต่างๆ ภายนอกมหาวิทยาลัย โดยไม่ผ่านการได้รับอนุญาติ จากอธิการบดี
มีคลิป