
6 มิถุนายน 2567 ความคืบหน้าคดีสะเทือนขวัญที่ นายธนากรณ์ หรือ "แซน" อายุ 18 ปี ก่อเหตุฆาตกรรม น.ส.วรัญญา หรือ หมิง อายุ 18 ปี แฟนสาวนักศึกษาสถาบันเดียวกัน โดยปาดคอและตัดมือทั้ง 2 ข้าง นำศพไปทิ้งใต้ทางด่วนบางพูน จ.ปทุมธานี และภายหลังผู้ก่อเหตุทราบข่าวการจับกุม จึงได้กินยารักษาอาการจิตเวชจนเกินขนาด เพื่อหวังปลิดชีพเพื่อหนีความผิด แต่ทางครอบครัวนำส่งโรงพยาบาลช่วยชีวิตไว้ได้ทัน เหตุเกิดเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.)
ล่าสุดวันนี้ (6 มิ.ย.) พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พร้อมชุดสืบสวน ภ.จว.ปทุมธานี ชุดสืบสวน สภ.ปากคลองรังสิต เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน 1 เข้าตรวจค้นบ้านที่ นายธนากรณ์ ผู้ก่อเหตุ เเละเเฟนสาวที่เสียชีวิตอาศัยอยู่ร่วมกัน
โดยตรวจสอบรถ จยย. ผู้ก่อเหตุ ที่ใช้นำร่างผู้เสียชีวิตพาดเบาะหลังซ้อนท้าย เพื่อนำไปทิ้งใต้ทางด่วน นอกจากนี้ยังเตรียมรื้อบ่อเกรอะ เพื่อหาชิ้นส่วนข้อมือที่ถูกตัดหายไปทั้ง 2 ข้าง ซึ่งจากการตรวจค้นภายในห้องนอน ห้องน้ำ พบคราบเลือดจำนวนมาก และข้าวของกระจัดกระจาย แต่ยังไม่พบข้อมือ จึงต้องรอสอบปากคำนายธนากรณ์อีกครั้งหลังจากรู้สึกตัว
ต่อมาเมื่อเวลา 12.00 น. พนักงานสอบสวน สภ.ปากคลองรังสิต ทำหนังสือของ สภ.ปากคลองรับสิต มายื่นต่อนายเเพทย์ใหญ่โรงพยาบาล เพื่อขอความเห็นสอบถามอาการจากทีมเเพทย์ที่ทำการรักษา ถึงอาการของผู้ต้องหารายนี้ เพื่อขอควบคุมตัวกลับไปที่ สภ.ปากคลองรังสิต
เบื้องต้นตำรวจจำนวน 2 นาย ที่คุมตัวอยู่ยืนยันว่า นายธนากรณ์ฟื้นแล้ว แต่ไม่ยอมพูดกับตำรวจ แต่มีรายงานว่า ผู้ต้องหาเปิดปากกับเเม่ของตนเองว่า ชิ้นส่วนมือของเเฟนสาว ไม่ได้ทิ้งในคอห่าน ในห้องน้ำที่บ้าน เเต่นำไปทิ้งคลองใกล้บ้าน
ซึ่งต่อมา ชุดสืบสวน สภ.ปากคลองรังสิต ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดจนพบว่า นายธนากรณ์ หลังฆาตกรรมแฟนสาวแล้ว ก่อนที่จะนำร่างผู้เสียชีวิตไปทิ้ง ได้ขี่รถ จยย. ออกจากหมู่บ้านก่อน 1 ครั้ง ก่อนที่จะนำข้อมือแฟนสาว ใส่ถุงดำแล้วขี่รถ จยย.ออกจากหมู่บ้าน 1 ครั้ง ระยะทางห่างประมาณ 500 เมตร ซึ่งเป็นคลองเชียงรากถนนรังสิต-ปทุมธานี เพื่อนำถุงในที่ภายในเป็นข้อมือแฟนสาวไปโยนทิ้ง แต่ถุงดำได้ไปเกี่ยวกับสายเคเบิล ทำให้ถุงดำตกลงไปอยู่ข้างคลอง
พ.ต.ท.นิติธร ศุภชัยวรกุล สว.สส.สภ.ปากคลองรังสิต เปิดเผยว่า ถุงที่ปรากฏพบว่า ภายในเป็นข้อมือของผู้เสียชีวิตทั้งสองข้าง โดยทีมงานชุดสืบสวนได้ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะนำศพออกจากหมู่บ้าน ได้ขับรถออกมาก่อน 1 รอบ ก่อนจะย้อนกลับไปที่บ้านเพื่อนำศพไปทิ้ง ทำให้วันนี้เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังมาตรวจสอบ ก็ปรากฏว่าพบข้อมืออยู่ภายในถุงดำ เบื้องต้นรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานแล้วส่วนเกี่ยวข้องร่วมตรวจสอบ
พบผู้ก่อเหตุเคยต้องคดีล่วงละเมิดเด็กสาววัย 13
ทั้งนี้มีรายงานว่า เมื่อปี 2565 นายธนากรณ์ หรือ "แซน" เคยก่อเหตุทำร้ายร่างกาย และล่วงละเมิดเด็กสาวอายุ 13 ปี โดยทีมข่าวได้พบกับแม่ของผู้เสียหาย ซึ่งปัจจุบันผู้เสียหายอายุ 15 ปีแล้ว เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่น้องโดน "แซน" ทำร้ายร่างกายและล่วงละเมิดนั้น เกิดขึ้นเมื่อช่วงสี่ทุ่มวันที่ 30 ธ.ค. 65 จากเหตุการติดหนี้ค่าผ่อนมือถือ
โดยวันนั้น ตนกับน้องพักอยู่ภายในห้อง ที่การเคหะชุมชนออเงิน น้องได้มาบอกแม่ว่า จะขอลงไปหาผู้หญิงที่ชื่อ "หมิง" เพื่อคุยเรื่องงาน โดยหมิงติดต่อมาจะพาน้อง ไปทำงานผู้ช่วยทันตแพทย์ ได้เงินวันละ 400 บาท น้องจึงอยากไปทำงาน เพื่อเอาเงินมาช่วยเหลือแม่ ตนก็เลยบอกว่า ให้เรียกหมิงขึ้นมาคุยบนห้องดีกว่า
แต่พอน้องลงมา "แซน" ได้ตรงเข้ามาแล้วทำร้ายน้องทันที โดยทั้งต่อยทั้งบีบคอ จนน้องสลบไป และพอน้องรู้สึกตัว ก็พาตัวน้องเข้าไปในป่าและทำร้ายอีก ก่อนพาขึ้นรถ จยย. แล้วขู่ว่า จะพาไปฝังใต้ดิน ซึ่งมารู้ทีหลังว่า เป็นศัพท์วัยรุ่นหมายถึงฆ่าฝังดิน ทั้งนี้จังหวะที่แซนขี่รถพาน้องไป น้องได้พยายามช่วยเหลือตนเอง และร้องให้คนช่วยจนรถล้ม และหนีมาได้ ส่วนแซนก็ถูกจับ ถ้าวันนั้นน้องช่วยเหลือตัวเองออกมาไม่ได้ ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
หลังเกิดเหตุ ตนได้พาน้องไปร้องเพจสายไหมต้องรอด และเข้าแจ้งความที่ สน.คันนายาว จนตอนนี้ผ่านมา 1 ปีกว่าแล้ว แต่คดีเพิ่งได้เข้าสู่ชั้นศาลเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และศาลนัดสืบพยานนัดแรกวันที่ 28 ส.ค. นี้ ที่ผ่านมา ตนไม่เคยได้รับการเยียวยาใดๆ เลย คู่กรณีมีการเสนอเงิน 10,000 บาท เพื่อให้ยอมความ แต่ตนไม่รับ เพราะต้องการให้ถูกดำเนินคดี และเวลาที่เจอหน้ากัน แซน ก็ไม่ได้มีความรู้สึกผิดในสิ่งที่ทำไปเลย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้น้องได้รับบาดเจ็บทางร่างกาย และยังส่งผลต่อสภาพจิตใจ มีอาการหวาดระแวง กลัวผู้ชายใส่ชุดดำ ซึ่งเป็นชุดที่นายแซนใส่วันเกิดเหตุ ต้องพบจิตแพทย์ทุกเดือน ไปโรงเรียนไม่ได้ เพราะอยู่ร่วมกับคนอื่นไม่ได้ ส่วนตนเองก็ได้รับผลกระทบทางจิตใจไปด้วย จนทำงานไม่ได้ต้องออกจากงาน
ผู้ก่อเหตุและผู้ตายอยู่ลัทธิบูชาซาตาน
แม่เด็กหญิงผู้เสียหายระบุอีกว่า เมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) พอตนเห็นชื่อในข่าว เป็นชื่อของ "แซน" และ "หมิง" ก็รู้สึกตกใจมาก รู้สึกแย่ และสงสารพ่อแม่ของแซน ซึ่งสิ่งที่ลูกตนโดนกระทำ ก็รู้สึกว่ารุนแรงมากแล้ว แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ รุนแรงกว่ามาก และตนก็คิดว่า ถ้าวันนั้นลูกสาวตนไม่ช่วยเหลือตัวเองออกมา จะโดนแบบนี้หรือไม่ ที่ผ่านมาตนเคยไปแจ้งที่โรงเรียนของแซน ให้คอยดูพฤติกรรม และการก่อเหตุในครั้งนี้ แซนเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไมได้เป็นเยาวชนเหมือนตอนที่กระทำกับลูกตน ก็ยิ่งต้องรับโทษให้ถึงที่สุด
แม่ผู้เสียหายเล่าอีกว่า น้องยังเคยเล่าให้ฟังว่า แซนและหมิง เคยชวนเข้าลัทธิบูชาซาตาน บอกว่ามีเด็กที่โรงเรียนเข้าลัทธินี้ประมาณ 5-6 คน แต่น้องไม่ได้สนใจ เลยไม่รู้ว่าคือลัทธิอะไร