"บิ๊กโจ๊ก" มอบตัวแล้วที่ สน.เตาปูน หลังถูกออกหมายจับ

ความคืบหน้ากรณี พนักงานสอบสวนชุดทำคดี เว็บพนันออนไลน์ BNK Master พยายามออกหมายเรียก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ "บิ๊กโจ๊ก" รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) หลังจากปรากฏข้อมูลเส้นทางการเงิน เชื่อมโยงกับเครือข่ายดังกล่าวถึง 3 ครั้ง

โดยการออกหมายเรียกรอบที่ 3 กำหนดให้ "บิ๊กโจ๊ก" เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 1 เม.ย. 67 ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 แต่ที่สุด "บิ๊กโจ๊ก" ก็ไม่ได้เดินทางเข้าให้ปากคำ หรือรับทราบข้อกล่าวหากับคณะพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด

ล่าสุด วันนี้ (2 เม.ย.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมายื่นคำร้อง ขอออกหมายจับ "บิ๊กโจ๊ก" ในความผิดฐาน สมคบกันกระทำความผิด ฐานฟอกเงินและ เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน ตามที่สมคบกัน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542  มาตรา 5 , 9 , 10 

จากการสืบสวนสอบสวนเส้นเงิน ที่เชื่อมจากคดีที่ สน.เตาปูน ได้เคยขออนุมัติหมายจับ คดีเว็บการพนัน ที่ 4543-4547/2566 ของศาลอาญาไว้แล้ว ต่อมาได้จับกุมตัว ผู้ต้องหาบางคนได้ และมี นางพิมพ์ (ชื่อสมมติ) เป็นผู้จัดการเว็บ BNKMaster ซึ่งก่อนหน้านี้มีการยื่นขอออกหมายจับไปเมื่อวันที่ 12 มี.ค. 67 ที่ผ่านมา โดยศาลอนุญาตให้ออกหมายจับผู้ต้องหา 4 ราย เเยกเป็นตำรวจ 3 ราย พลเรือน 1 ราย ส่วน "บิ๊กโจ๊ก" ให้ออกหมายเรียกก่อน พนักงานสอบสวนจึงได้ทำการออกหมายเรียกทั้งหมด 3 ครั้ง เเต่ยังไม่สามารถส่งหมายเรียกถึง "บิ๊กโจ๊ก" ได้ วันนี้จึงเดินทางมาศาลเพื่อขอออกหมายจับในช่วงเช้า 

 

มีรายงานว่า ภายหลังมีการยื่นขอออกหมายจับในช่วงเช้า ทาง "บิ๊กโจ๊ก" ได้ยื่นหนังสือถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เรื่องขอชี้เเจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติม หากมีการยื่นคำร้องขอออกหมายจับ โดยชี้เเจงสรุปความว่า พ.ต.ท.คริส มีการทำหนังสือขอความเป็นธรรม ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ ช่วยรับคดีอาญาที่ 391/2566 สน.เตาปูน เป็นคดีพิเศษตาม พ.ร.บ.สืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 ด้วย สรุปได้ว่า ตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม จากคณะทำงาน จากพนักงานสอบสวน ซึ่งทางอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ได้รับคำชี้เเจงไว้พิจารณา

มีรายงานด้วยว่า วันนี้ (2 เม.ย.) ศาลอาญาได้มีการไต่สวนคำร้องขอออกหมายจับเล้ว 2 ครั้ง ต่อมา พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น. เดินทางมายังศาลอาญา เเต่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด 

 

ย้อนปมศึกสีกากี ก่อนการขอศาลออกหมายจับ "บิ๊กโจ๊ก"

สำหรับการออกหมายเรียก และขอศาลออกหมายจับ "บิ๊กโจ๊ก" ในครั้งนี้ สืบเนื่องช่วงเดือน พ.ค. 66 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ ตำรวจ PCT บุกจับกุมเครือข่ายเว็บพนัน 

กระทั่งวันที่ 28 ก.ค. 66 ได้ขยายผลจับกุม น.ส.ธันยนันท์ หรือ สุชานันท์ สุจริตชินศรี หรือ "มินนี่" หนึ่งในผู้ต้องหาคดีเว็บพนันออนไลน์ ยึดบัญชีธนาคาร 89 เล่ม ขยายผลผู้มีส่วนเกดี่ยวข้องเป็นพลเรือน 15 คน และตำรวจ 8 นาย

และนำสู่การออกหมายจับตำรวจคนสนิทของ "บิ๊กโจ๊ก" 8 นาย ซึ่งพบว่า พ.ต.อ.ภาคภูมิ รอง ผบก.สส.ภ.4 คณะทำงานของบิ๊กโจ๊ก มีหลักฐานเส้นทางการเงินพัวพันเว็บพนันออนไลน์ มีภาพถ่ายรูปคู่แนบชิดกับ "มินนี่" 

กระทั่งเกิดข่าวใหญ่ เช้าวันที่ 25 ก.ย. 66 เมื่อ ตำรวจ PCT นำหมายค้นและหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ เข้าไปขอตรวจค้นและจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซอยวิภาวดี 60 หลังสโมสรตำรวจ โดยมีการสนธิกำลังตำรวจคอมมานโด พร้อมอาวุธปืน และตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจ สอท.รวม 8 ชุด ตรวจค้นเป้าหมายพัวพันเส้นเงินจากเว็บพนัน

เป้าหมายภายในหมู่บ้านแห่งนี้ มี 5 หลังที่เข้าตรวจสอบ หลังแรกเป็นบ้านทาวน์โฮม 2 หลังติดกัน ซึ่งเป็นที่พักของนายตำรวจติดตามของ "บิ๊กโจ๊ก" โดยเจ้าตัวอยู่บ้านและได้ออกมาหน้าบ้านในสภาพชุดนอน เสื้อสีขาว กางเกงขาสั้น ถุงเท้าสีขาว แสดงท่าทีไม่พอใจ พร้อมตำหนิชุดพนักงานสอบสวน และชุดที่มาตรวจพร้อมกับไล่ให้กลับไป ร้องขอให้นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เข้ามาร่วมตรวจค้นด้วยตัวเอง


ขอศาลออกหมายจับ คดีเว็บพนัน BNK Master 

หลังจากการค้นบ้าน "บิ๊กโจ๊ก" ดูเหมือนว่าในส่วนคดีเว็บพนันเครือข่ายมินนี่ จะเงียบหายไป กระทั่งเมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2567 พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น. ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา ขอออกหมายจับกลุ่มนายตำรวจระดับสูง ในความผิดฐาน สมคบกันกระทำความผิด ฐานฟอกเงินและ เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5, 9,10

มูลเหตุการขอออกหมายจับ เนื่องจากการสวนสอบสวนเส้นเงินที่เชื่อมจากคดีเว็บ BNK Master ที่ สน.เตาปูน เคยขออนุมัติหมายจับ คดีเว็บการพนัน ที่ 4543-4547/2566 ของศาลอาญาไว้แล้ว ต่อมาได้จับกุมตัวผู้ต้องหาบางคนได้ ปรากฎชื่อ นางพิมพ์วิไล (สงวนนามสกุล) เป็นผู้จัดการเว็บ BNKMaster จึงมีการมาขยายผลเเละมาร้องขอออกหมายจับในครั้งนี้

ภายหลังยื่นคำร้อง พล.ต.ต.ทินกร ยอมรับว่า มีการขอออกหมายจับกลุ่มนายตำรวจพัวพันเว็บพนันจริง โดยศาลอนุญาตออกหมายจับ ผู้ต้องหาจำนวน 4 ราย เเยกเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 ราย เเละพลเรือน 1 ราย ส่วนนายตำรวจอีก 1 คนให้ออกหมายเรียกก่อน ซึ่งเป็นนายตำรวจระดับนายพล เเต่ไม่ขอระบุว่าเป็นใคร 

ออกหมายเรียก "บิ๊กโจ๊ก" ครั้งที่ 1

หลังจากศาลอนุมัติหมายจับ 3 ตำรวจ และ 1 พลเรือน และทั้ง 4 รายเข้ามอบตัว ให้การปฏิเสธ ได้รับการประกันตัวออกไปในชั้นพนักงานสอบสวน กระทั่งวันที่ 17 มี.ค.67 ตำรวจชุดทำคดีเว็บพนันออนไลน์ BNK Master ได้ออกหมายเรียก "บิ๊กโจ๊ก" โดยนำหมายเรียกของชุดสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาลไปลงบันทึกประจำวันไว้ สน.ทุ่งสองห้อง และให้ ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง ซึ่งบ้านพัก "บิ๊กโจ๊ก" อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ ดำเนินการนำหมายเรียกไปส่ง "บิ๊กโจ๊ก" ที่บ้านพักภายในซอยวิภาวดี 60

ทั้งนี้ หมายเรียกดังกล่าว ในฐานะผู้ต้องหาในคดี ตามข้อหา สมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน เว็บไซต์พนันออนไลน์ และให้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันพฤหัสบดีที่ 21 มี.ค. 67 ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 (บก.น.2) ซึ่งการส่งหมายเรียก ไม่สามารถส่งถึงมือ "บิ๊กโจ๊ก" ได้ เนื่องจากเจ้าตัวอยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่อยู่ทางภาคเหนือ

"บิ๊กโจ๊ก" ออกมาตอบโต้ว่า การออกหมายเรียกไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากการสอบสวนไม่ถูกต้อง พนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจ เนื่องจากสำนวนคดี "มินนี่" อยู่ที่ ป.ป.ช.แล้ว เป็นความพยายามที่จะดิสเครดิต

สอดรับการแถลงข่าวของทีมทนายของบิ๊กโจ๊ก ที่ยืนยันว่า คดีเว็บพนันออนไลน์ BNK Master เป็นคดีที่มีเส้นเงินเดียวกับคดี "มินนี่" ซึ่งพนักงานสอบสวน พยายามแยกออกมาเป็นคนละคดี เพื่อจะออกหมายจับ "บิ๊กโจ๊ก" พยายามจะดิสเครดิต "ว่าที่ ผบ.ตร." ให้ได้ ทั้ง ๆ ที่เส้นทางการเงินไม่มาถึงโดยตรง และ "บิ๊กโจ๊ก" ก็ปฏิเสธเรื่องนี้มาโดยตลอด

ทีมทนายของบิ๊กโจ๊ก ยังได้ตั้งข้อสงสัยด้วยว่า มีความจงใจจะเอาผิดเฉพาะบางกลุ่ม และไม่ยอมดำเนินคดีกับตำรวจบางกลุ่มที่เกี่ยวข้อง เปรียเปรยว่าเป็นพฤติกรรม "อินทรีย์เลือกเหยื่อ"

ขณะที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้ออกมาระบุว่า คดีที่ ป.ป.ช. ตรวจสอบเป็นคดีเว็บพนันมินนี่ ซึ่งเป็นคนละส่วนกับคดี BNK Master ในพื้นที่ สน.เตาปูน แต่ก็คดีนี้ถือเป็นสิทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหา สามารถปฏิเสธหรือโต้แย้งได้ ซึ่งตนพร้อมลงนามในคำสั่งพักราชการ หาก "บิ๊กโจ๊ก" ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา

ปมร้อนนี้ได้กลายเป็นเรื่องที่บานปลายมากขึ้น!!

คำสั่งเด้ง "บิ๊กต่อ-บิกโจ๊ก" สงบศึกสีกากี

กระทั่งช่วงเช้าวันที่ 20 มี.ค. 67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เรียกให้ "บิ๊กต่อ" และ "บิ๊กโจ๊ก" เข้าพบ ท่ามกลางกระแสข่าวให้สงบศึกสีกากี 

จากนั้น "บิ๊กต่อ" และ "บิ๊กโจ๊ก" ได้แถลงข่าวที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประกาศยืนยัน ไม่มีความขัดแย้งส่วนตัว หรือ ขัดแย้งภายในองค์กร ปมคดีเว็บพนันออนไลน์ วอนสื่ออย่าเสนอข่าวไปในทางที่ทำให้องค์กรแตกแยก

แต่ยังไม่ทันข้ามวัน ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งย้ายฟ้าผ่าให้  "บิ๊กต่อ" และ "บิ๊กโจ๊ก" เข้ามามาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมมีคำสั่งมอบหมายให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร รองผบ.ตร. รักษาการ 


หมายเรียก "บิ๊กโจ๊ก" ครั้งที่ 2 เติมน้ำมันในกองไฟ 

วันที่ 21 มี.ค.67 "บิ๊กต่อ" และ "บิ๊กโจ๊ก" เข้ารายงานตัวที่สำนักนายกรัฐมนตรี ด้วยท่าทีเอื้ออาทรกัน ดูเหมือนศึกสีกากีสงบลงแล้ว ซึ่งในวันดังกล่าวเป็นวันกำหนดเข้ารับทราบข้อหา ตามหมายเรียกครั้งที่ 1 ของ "บิ๊กโจ๊ก" สถานการณ์ดูเหมือนจะสงบศึกลงได้แล้ว 

ในช่วงเย็นวันนั้น พนักงานสอบสวนคดี "BNK Master" ได้ออกหมายเรียก "บิ๊กโจ๊ก" ครั้งที่ 2 ให้เหตุผล "บิ๊กโจ๊ก" ไม่เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาตามกำหนดหมายเรียกครั้งที่ 1 โดยให้เข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกครั้งที่ 2 ในวันที่ 26 มี.ค.67 ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 เวลา10.00 น.

ช่วงเช้าวันที่ 22 มี.ค.67 ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง นำหมายเรียกไปที่บ้านพักย่านซอยวิภาวดี 60 นอกจากนี้ ชุดสืบสวนได้ส่งหมายเรียกไปสถานที่ทำงานคือ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นสถานที่ที่ "บิ๊กโจ๊ก"  ถูกสั่งให้ไปช่วยราชการ รวมถึงบ้านที่จังหวัดสงขลา มีความพยายามส่งมอบหมายเรียกให้เจ้าตัวให้ได้ 

"บิ๊กโจ๊ก"  เปิดเผยถึงหมายเรียกครั้งที่ 2 ว่า ไม่ทราบว่าจะมีการนำหมายเรียกมาที่บ้าน เนื่องจากได้ลาพักผ่อนตั้งแต่ 22 มี.ค. จนถึง 1 เม.ย. เป็นการลาไว้ล่วงหน้าแล้ว ซึ่งขณะพนักงานสอบสวนนำหมายเรียกไปส่งนั้น เดินทางมาถึงจังหวัดหนองคายเรียบร้อยแล้ว มีกำหนดไปพักผ่อนกับครอบครัวที่ประเทศอังกฤษ 

การออกหมายเรียกในครั้งที่ 2 สะท้อนภาพ ศึกสีกากี ยังไม่จบ แม้จะมีการประกาศเซตซีโรแล้ว

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตั้งคำถามกลับว่า ให้สื่อฯ ไปคิดดู โดยส่วนตัวพร้อมถอนฟ้อง ไม่มีปัญหา รอเพียง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ นัดพูดคุยกับทุกคน ยืนยันเปิดใจกับทุกคน ในเมื่อจบก็คือจบ 

“สังคมจะเห็นเองมีอะไรเกิดขึ้นแบบนี้ วันนี้ทุกคนต้องสามัคคี ตนเองเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่แล้ว สื่อฯก็ต้องไปดูว่าควรทำแบบไหน”

"ทนายตั้ม" แฉบิ๊กตำรวจ เพื่อชาติ หรือเพื่อใคร?

หลังการออกหมายเรียกครั้งที่ 2 เพียงไม่นาน "ทนายตั้ม" นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ซึ่งถูกมองว่าใกล้ชิดสนิทสนมกับ "บิ๊กโจ๊ก" ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเปิดเส้นทางการเงินเว็บพนันออนไลน์ "BNK Master" และ "VENUS Master" มีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับคนในครอบครัว "บิ๊กตำรวจ" และ 3 หน่วยงาน ที่มีการเรียกรับผลประโยชน์มหาศาลผ่านบัญชีม้า ได้แก่ 

• กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ หรือ คอมมานโด
• กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) 
• กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ 

ประเด็นสำคัญในการแฉของทนายตั้ม สอดคล้องกับข้อมูลจากทีมทนายของบิ๊กโจ๊ก แต่เป็นขยายผลเส้นทางการเงินเพิ่มเติม ซึ่งไปถึงคนนามสกุล "สุขวิมล"

พร้อมตั้งคำถามว่า เหตุใดยังไม่มีดำเนินคดีกลับกลุ่มคนเหล่านี้ ซึ่งล่าสุดได้นำข้อมูลทั้งหมดส่งให้ "บิ๊กเต่า" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) ซึ่งมีหน้าที่เป็นโฆษกคณะทำงานคดีเว็บพนันออนไลน์มินนี่ และ BNK Master เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมด


การแฉของ "ทนายตั้ม" พุ่งเป้าไปที่ฝั่ง "บิ๊กต่อ" พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ อย่างชัดเจน ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่า ไม่ได้ทำไปเพราะใกล้ชิด บิ๊กโจ๊ก แต่เป็นข้อมูลที่ตำรวจและสายลับบางคนส่งมาให้ เนื่องจากทนกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ไหว 

ขณะที่ "บิ๊กต่อ" ออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ว่า ไม่ได้ทำอะไรตามที่ถูกกล่าวหา โดยจะให้ทนายเป็นคนความดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยทีมทนายระบุว่า 

“เรื่องนี้ประเด็นหลัก คือเรื่องที่มาของเอกสารเป็นสิ่งสำคัญว่าได้มาอย่างไร เพราะไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ จะเอาข้อมูลของใครมาเปิดก็ได้ ข้อมูลที่ได้มาเป็นของจริงหรือไม่ ได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ตรงนี้ต้องตรวจสอบก่อน ไม่ใช่ว่าใครนำอะไรมาเสนอ ก็เชื่อไปหมดว่าต้องเป็นไปตามนั้น ตรงนี้ต้องระมัดระวังนิดนึง ยิ่งข่าวที่ออกไปตอนนี้ ทำให้บิ๊กต่อได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก เราจึงต้องแก้ไขตรงนี้”

ออกหมายเรียก "บิ๊กโจ๊ก" ครั้งที่ 3

หลังจาก พนักงานสอบสวนชุดทำคดีเว็บพนันออนไลน์ BNK Master พยายามออกหมายเรียก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หรือ "บิ๊กโจ๊ก" ถึง 2 ครั้ง โดยครั้งที่ 2 ให้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่ไม่เป็นผล "บิ๊กโจ๊ก" ยังไม่มีการเดินทางเข้าให้ปากคำ หรือรับทราบข้อกล่าวหากับคณะพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด

วันที่ 27 มี.ค. 67 คณะพนักงานสอบสวนในคดีมีมติดำเนินการ "ออกหมายเรียกครั้งสุดท้าย" เป็นการออกหมายเรียก "บิ๊กโจ๊ก" ครั้งที่ 3  โดยการออกหมายเรียกดังกล่าว จะต้องดำเนินการส่งหมายเรียกให้กับตัวบิ๊กโจ๊กด้วยตนเอง กำหนดเรียกเข้าพบในวันที่ 1 เม.ย.67 ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ "บิีกโจ๊ก" เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า จะเดินทางมาปฏิบัติภารกิจในกรุงเทพ 

วันที่ 1 เม.ย. 67 ทีมทนายความของ "บิ๊กโจ๊ก" เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงผู้กำกับการ สน.เตาปูน เพื่อสอบถามข้อมูลที่ "บิ๊กโจ๊ก" ต้องการยื่นเพิ่มเติม จากที่เคยยื่นไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยยืนยันว่า "บิ๊กโจ๊ก" ยังไม่เคยได้รับหมายเรียกสักครั้ง การออกหมายเรียกแต่ละครั้ง ควรเว้นระยะห่างประมาณ 15 วัน แต่นี่มีการออกหมายเรียกแล้ว 3 ครั้ง นับรวมกันได้ 10 วัน ซึ่งมองว่าผิดปกติ ซึ่งที่ผ่านมา "บิ๊กโจ๊ก" ทำงานและใช้ชีวิตโดยเปิดเผยตลอด ไม่มีพฤติการเลี่ยงไม่รับหมาย

ขณะที่ก่อนหน้าในช่วงสาย พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ พร้อม นายไพโรจน์ กุจิรพันธ์ นายกสมาคมพนักงานสอบสวน ได้เดินทางยัง สน.เตาปูน เพื่อแจ้งความเอาผิดผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ในฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ม.157 ด้วย

ทั้งนี้ปรากฏว่า ตลอดทั้งวัน เมื่อวานนี้ (1 เม.ย.) "บิ๊กโจ๊ก" ไม่ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก จึงนำมาสู่การขอศาลอาญาออกหมายจับในวันนี้ (2 เม.ย.)

ศาลอาญาออกหมายจับ บิ๊กโจ๊ก ชี้ชัดคดีเป็นอำนาจศาลอาญา

วันที่ 2 เม.ย. 67 เวลา 16.00 น. ศาลอาญาพิจารณาคำร้องพร้อมไต่สวนเเล้วอนุญาตให้ออกหมายจับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. โดยศาลให้เหตุผลว่า

1.คดีมีพยานหลักฐานเชื่อได้ว่าเป็นความผิด
2.ผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลีกเลี่ยงหมายเรียกของพนักงานสอบสวน
3.คดีนี้เป็นอำนาจของศาลอาญา

"บิ๊กโจ๊ก" เข้ามอบตัว หลังถูกออกหมายจับ

ต่อมา เวลา 17.30 น. มีรายงานว่า ทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เดินทางมาด้วยรถยนต์โตโยต้าอัลฟาร์ด โดยจอดอยู่ที่บริเวณหน้า สน.เตาปูน เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางมาถึง ทีมตำรวจติดตาม ได้ย้ายรถไปจอดด้านหลังโรงพัก และข้อความร่วมมืองดบันทึกภาพ ระหว่างนี้คาดว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กำลังพบพนักงานสอบสวนอยู่บริเวณชั้น 2 


เวลา 18.20 น. พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย และ พ.ต.อ.อาริศ คูประสิทธิ์รัตน์ นายตำรวจใกล้ชิด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เดินทางมาที่ สน.เตาปูน โดยทั้งหมดมีสีหน้าเคร่งเครียด ไม่ตอบคำถามใดใดกับสื่อมวลชน

คาดว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พบพนักงานสอบสวนอยู่ที่ห้องสอบสวนชั้น 1 ของสน. เตาปูนโดยจากการสังเกตพบว่า มีนายตำรวจประมาณเกือบ 10 คน ยืนวางกำลังดูความเรียบร้อย บริเวณรอบห้องพนักงานสอบสวนโดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชน เข้าไปบันทึกภาพแต่อย่างใด

เวลา 19.30 น. มีรายงานว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ปฏิเสธการพิมพ์ลายนิ้วมือ ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำซึ่งจากการสอบถามพนักงานสอบสวนระบุว่า การปฏิเสธการพิมพ์ลายนิ้วมือ ก็ถือเป็นสิทธิของผู้ต้องหา

จากนั้นเวลา 19.51 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ปรากฏตัว ด้วยการเดินออกจากห้องพนักงานสอบสวน และออกจาก สน.เตาปูนไป ด้วยรอยยิ้ม หลังได้รับการประกันในชั้นพนักงานสอบสวน ตามขั้นตอนของกฎหมาย ด้วยวงเงิน 1 แสนบาท


พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวสั้น ๆ ว่า  ขณะนี้ทุกอย่างอยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้ว โดยวันนี้เป็นการมอบตัวตามปกติ และได้รับการประกันตัวออกมา ส่วนรายละเอียดการประกันตัวไม่ขอเปิดเผย 

เมื่อถามว่า ปฏิเสธข้อกล่าวหาหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ตอบในประเด็นนี้ แต่ยืนยันว่า วันนี้ตนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว และไม่ได้รู้สึกกังวล ที่จะต้องให้ถูกออกจากราชการ 

เมื่อถามว่า หลังจากนี้ต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังจากนี้จะเดินทางไปทำงานตามปกติ  

เมื่อถามว่า ตำรวจนัดอีกครั้งเมื่อไหร่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า  ตนยังไม่ทราบ

เมื่อถามว่า มีข้อมูลออกมาว่า ปฏิเสธพิมพ์ลายนิ้วมือใช่หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า "ไม่นะ ทำตามขั้นตอนปกติ" 

ส่วนเรื่องนี้จะต้องรายงานนายกรัฐมนตรีหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า ตามกระบวนการแล้วต้องรายงานตามขั้นตอน ยังไม่ระบุว่าวันไหน เดี๋ยวจะแจ้งอีกที เมื่อถามว่า การออกหมายจับครั้งนี้เชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้งหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังไม่ขอตอบตรงนี้ ขอให้ดำเนินการไปตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม และวันนี้เองก็ใช้สิทธิ์ประกันตัวออกมา 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย ว่า ตามระบบกระบวนการยุติธรรมไทย ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการถูกกล่าวหา จึงถือว่ายังคงเป็นผู้บริสุทธิ์

ขณะที่ พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงศ์ ลูกน้องคนสนิท พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  เดินตามหลังไปส่งที่รถ และก่อนเดินขึ้นรถได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้ตนเดินทางมาให้กำลังใจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  ก่อนปิดประตูรถและขับออกไป

มีรายงานว่า ในคืนนี้ทีมทนายความของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะมีการประชุมกัน เพื่อหาทางต่อสู้คดีต่อไป โดยระบุว่า การออกหมายจับของศาลวันนี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเร็วมาก แต่ก็พร้อมเคารพคำสั่งของศาล