"ป.ป.ส." จ่อคุมเข้มสถานบันเทิง ไฟเขียวเปิดถึงตี 4 พบมียาเสพติดสั่งปิดทันที

16 พฤศจิกายน 2566 ตามที่นโยบายของรัฐบาล จะมีการเปิดสถานบันเทิงถึงตี 4 โดยมีพื้นที่นำร่องคือ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ชลบุรี และภูเก็ต เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม นี้ สิ่งหนึ่งที่น่าเป็นห่วงในเรื่องของยาเสพติด ที่อาจจะมีการลักลอบเสพ ค้ายาเสพติด ในสถานบันเทิง

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยภายในงานครบรอบ 47 ปี วันก่อตั้งสำนักงาน ป.ป.ส. ว่า หลังจากที่รัฐบาลจะมีการขยายโซนนิ่งเปิดสถานบันเทิงถึงตี 4 หลังวันที่ 15 ธันวาคม นี้ ทางสำนักงาน ป.ป.ส. ได้สั่งการให้ ป.ป.ส.ประจำภาค จัดทำข้อมูลสถานบันเทิงในแต่ละพื้นที่ขึ้นมาว่ามีสถานบันเทิง ในพื้นที่ใดบ้าง ที่ได้รับอนุญาตให้เปิดบริการถึงตี 4 เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นในการควบคุมดูแลสถานบันเทิงนั้นๆ ในเรื่องของยาเสพติด

ทั้งนี้ เมื่อสถานบันเทิงเปิดให้บริการถึงตี 4 สิ่งที่ต้องเฝ้าระวังคือเรื่องของยาเสพติด ที่อาจจะมีนักเที่ยวนำยาเสพติดเข้าไปเสพ และค้ายาเสพติดในสถานบันเทิง ซึ่งจุดนี้หากมีการตรวจพบว่ามีการค้ายาเสพติดในสถานบันเทิงนั้น ทางสำนักงาน ป.ป.ส.  จะใช้อำนาจของ เลขาธิการ ป.ป.ส. พิจารณาพักใบอนุญาต ภายใน 30 วัน ทันที รวมทั้ง หากพบว่ามีข้าราชการในพื้นที่ปล่อยปละละเลย ในฐานะเลขาธิการ ป.ป.ส. ก็จะทำบันทึกรายงานถึงนายกรัฐมนตรี ในการพิจารณาโทษข้าราชการในพื้นที่รับผิดชอบเช่นกัน

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหายาเสพติดภายใน 1 ปี ยาเสพติดต้องลดลง ซึ่งทาง ป.ป.ส. กำลังเร่งขับเคลื่อนให้ลุล่วงตามที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ โดยการทำงานขณะนี้ข้าราชการ จะนั่งในห้องแอร์ไม่ได้แล้ว ต้องลงพื้นที่ ลงชุมชน เพื่อรับฟังปัญหายาเสพติดภายในชุมชน รวมทั้งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งตำรวจ ฝ่ายปกครอง สาธารณสุข ในการนำผู้ติดยาเสพติด จนเกิดอาการป่วยทางจิตเวช ไปบำบัดรักษา

จากข้อมูลพบว่าผู้ติดยาเสพติดจนมีอาการป่วยทางจิตเวช จนเกิดอาการคลุ้มคลั่ง จนก่อให้เกิดความหวาดระแวงในชุมชน มีประมาณ 32,000 คน และจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาบำบัด ประมาณ 7,000 คน โดยมีทั้งหมดใน 30 จังหวัด 85 อำเภอ แบ่งเป็นภาคอีสาน 16 จังหวัด ภาคใต้ 5 จังหวัด ส่วนที่เหลือกระจายอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคกลาง

ดังนั้น จึงเป็นภาระกิจเร่งด่วนที่ทาง ป.ป.ส. จำเป็นต้องประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ในชุมชน นำผู้ป่วยเหล่านี้เข้าสู่กระบวนการบำบัด โดยเริ่มวันที่ 1 ธันวาคม นี้

ส่วนอีกหนึ่งนโยบายเร่งด่วนคือ "การสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดน" เนื่องจากยาเสพติด 100 เปอร์เซ็นต์ มีการผลิตฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน แล้วมีการลักลอบเข้ามาฝั่งไทย ในพื้นที่ฝั่ง 3 จังหวัด คือ เชียงใหม่ เชียงราย และ นครพนม 

โดยจังหวัดเชียงใหม่ มี 5 อำเภอ คือ แม่อาย ฝาง เชียงดาว เวียงแหน และ ไชยปราการ จังหวัดเชียงราย มี 6 อำเภอ คือ แม่จัน แม่ฟ้าหลวง แม่สาย เชียงแสน เชียงของ และ เวียงแก่น ส่วนจังหวัดนครพนม มี 5 อำเภอ คือ ท่าอุเทน เมืองนครพนม ท่าพนม และบ้านแพง ทางเจ้าหน้าที่จะประกาศให้เป็นเขตควบคุมพิเศษ โดยใช้กฎหมายยาเสพติด มาตรา 5 (10) โดยมอบหมายให้ กองทัพภาคที่ 3 ดูแลทางภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 2 ดูแลภาคคอีสาน ซึ่งทางกองทัพได้มีการเขียนโครงสร้างขึ้นมาเสร็จแล้วเรียกว่า "หน่วยบัญชาการสกัดกั้นป้องกันและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งต้นเคมีภัณฑ์"

หลังจากนี้เชื่อว่าเป็นความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดน ทำให้ชุมชนเข้มแข็ง ส่วนพ่อค้ายาเสพติดรายย่อย เชื่อว่าจะหายไปเช่นเดียวกัน โดยเร็วๆนี้ ทาง ป.ป.ส. จะประสานไปยังตำรวจในพื้นที่จะเปิดยุทธการ "เด็ดปีกพ่อค้ารายย่อย" เพื่อปราบปรามให้หมดสิ้น