svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

สืบภาค 2 รวบ "เว่ย ลินวู” ตัวการระดับสูงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คาสนามบินดอนเมือง

ตำรวจภูธรภาค 2 ร่วมกับ ตม. รวบ "เว่ย ลินวู” ตัวการระดับสูงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใช้แอปหลอกหนุ่มโรงงานจนเครียดผูกคอปลิดชีพ คาสนามบินดอนเมือง

27 ตุลาคม 2566 เมื่อเวลา 17.45 น. ที่สนามบินดอนเมือง เจ้าหน้าที่ ตม.ท่าอากาศยานกรุงเทพ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.2 ได้ทำการจับกุม นายเว่ย ลินวู ผู้ต้องหาตามหมายจับ ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบ”
นายเว่ย ลินวู ผู้ต้องหาตามหมายจับ (เสื้อดำขวาสุด)

การจับกุม นายเว่ย สืบเนื่องจากคดีสะเทือนใจ เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 66 ที่ผ่านมา ที่นายอัฐวุฒิ ผมเพ็ชร หนุ่มโรงงานในพื้นที่ อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งใช้แอปพลิเคชันที่มีชื่อว่า online loan Thailand หลอกว่าจะให้กู้เงิน แต่ต้องโอนเงินไปให้ก่อน สุดท้ายไม่ได้รับเงินที่ต้องการขอกู้แต่อย่างใด  ทำให้เกิดความเครียดและผูกคอตัวเองเสียชีวิตในเวลาต่อมา ภายหลังแก๊งคอลเซนเตอร์ยังได้แชทคุยกับภรรยาผู้ตาย พร้อมส่งข้อความมาเย้ยว่า “ถ้าเขาไม่โลภอยากได้เงินคนอื่นเขาก็ไม่เจอเรื่องแบบนี้ค่ะ ไม่โลภก็รอดค่ะ” 

โดยขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้ จะใช้วิธีการหลอกลวงผ่านทางสื่อโซเชียลต่างๆให้ผู้เสียหายหลงกลและเข้ามาทำเรื่องขอกู้เงิน โดยจะต้องมีการโอนค่าดำเนินการหรือค่าธรรมเนียมไปให้ก่อน สุดท้ายเมื่อผู้เสียหายโอนเงินไปให้ ก็จะไม่ได้รับเงินที่ขอกู้แต่อย่างใด ทำให้ได้รับความเสียหาย ซึ่งจากกรณีดังกล่าว สภ.แปลงยาว ได้มีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาแล้ว จำนวน 5 คน
สืบภาค 2 รวบ "เว่ย ลินวู” ตัวการระดับสูงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คาสนามบินดอนเมือง
 

ต่อมา บก.สส.ภ.2 ได้สืบสวนขยายผลต่อ ทำให้ทราบว่าเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้ มีคนจีนเป็นหัวหน้า มีคนไทยเป็นลูกน้อง ใช้ประเทศกัมพูชาเป็นฐานตั้งออฟฟิศ ใช้บัญชีม้าโอนเงิน ที่หลอกลวงเหยื่อได้เป็นทอด ๆ ในเวลาอันรวดเร็ว และเอาเงินออกหลายช่องทาง พบผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้ จำนวนไม่น้อยกว่า 40 รายทั่วประเทศ 

ภายหลังเกิดเหตุดังกล่าว ตลอดระยะเวลาได้มีการดำเนินคดี กับเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้มาโดยตลอด มีการออกหมายจับ รวมทั้งหมด 29 หมายจับ มีการตรวจยึดทรัพย์สิน เสนอตรวจสอบทรัพย์สินต่อ ปปง. มูลค่ารวม 2 ล้านบาทเศษ มีการอายัดบัญชีธนาคารของบุคคลที่เกี่ยวข้อง กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้ จำนวน 26 คน มียอดเงินในบัญชีธนาคารที่ถูกอายัด รวมเป็นเงิน 2,018,567.30 บาท 

ขณะนี้ได้มีผลการดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาแล้วรวม 11 ราย 21 หมายจับ คงเหลือผู้ต้องหาตามหมายจับ ที่ยังคงหลบหนีอยู่ จำนวน 3 คน ซึ่งหนึ่งในผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่ คือ นายเว่ย ลินวู สัญชาติจีน ซึ่งเป็นตัวการระดับสูงจองแก๊งนี้ จำนวน 3 หมายจับ

และจากการสืบสวนติดตามมาโดยตลอดของ บก.สส.ภ.2 ทำให้ทราบว่า นายเว่ย ลินวู จะเดินทางเข้ามายังประเทศไทย ผ่านทางสนามบินดอนเมือง ในช่วงเย็นของวันนี้ (27 ต.ค.) จึงได้ทำการประสาน ตม.ท่าอากาศยานกรุงเทพ บก.ตม.2 เข้าจับกุม 

เบื้องต้น นายเว่ย ลินวู ได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าตนไม่มีส่วนรู้เห็น หรือเกี่ยวข้องกับเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว โดยตนเองประกอบธุรกิจโรงแรม ที่ปอยเปต ในประเทศกัมพูชาเท่านั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการควบคุมตัว นายเว่ย ลินวู ตัวการระดับสูงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นายเว่ย ลินวู ผู้ต้องหาตามหมายจับ (เสื้อดำ)