ตร.รับเส้นทางตู้คอนเทนเนอร์ 2 ศพนิรนาม ก่ออุปสรรค "การสืบสวน"

2 ตุลาคม 2566 ว่าที่ พ.ต.ต.นรงฤทธิ์ ทองทวี สว.สืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจรถไฟมักกะสัน(ส.รฟ.มักกะสัน) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าเหตุพบศพปริศนาอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ บริเวณลานเก็บตู้คอนเทนเนอร์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ ส.รฟ.มักกะสัน ซึ่งต้องรวบรวมให้ได้มากที่สุด ก่อนจะโอนย้ายคดีไปให้ สน.ลาดกระบัง ไปรับผิดชอบเนื่องจากกองบังคับการตำรวจรถไฟ(บก.รฟ.) จะถูกยุบหน่วยในวันที่ 17 ตุลาคม นี้

โดยจะมีตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน จากกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.)เข้ามาร่วมทำคดีด้วย เบื้องต้นได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้มีการเรียกใครเข้ามาสอบปากคำ เนื่องจากอยู่ระหว่างการประชุม มีเพียงการสอบปากคำคนที่พบศพเป็นคนแรกไว้เท่านั้น

หลังจากนี้ยังต้องตรวจสอบเส้นทางการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง เบื้องต้นทราบว่า ตู้คอนเทนเนอร์ที่พบศพเป็นตู้ที่ใช้ขนส่งกัน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีบริษัทที่สกรีนชื่อข้างตู้เป็นเจ้าของ

สำหรับการนำตู้เข้ามาในประเทศไทยต้องมีการสำแดง ที่ด่านศุลกากร ประจำท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งอาจมีความเป็นไปได้ที่การตรวจสอบไม่ละเอียดและอาจมีการสำแดงมาว่า เป็นตู้เปล่า แตกต่างจากตู้คอนเทนเนอร์ที่มีการบรรจุสินค้าเข้ามา ที่จะต้องมีการซีลล็อกอย่างเรียบร้อย และมีระบบตรวจสอบที่ต่างกัน

ทั้งนี้ ยังยอมรับว่า แนวทางการสืบสวนสอบสวนค่อนข้างยาก รวมทั้งมีอุปสรรค เนื่องจากเป็นการขนส่งมาจากต่างประเทศ ตลอดจนผู้ตายไม่มีเอกสารหลักฐานยืนยันตัว และด้านข้างศพ พบเพียงหนังสือพิมพ์ของประเทศฟิลิปปินส์ ขณะที่มีรายงานว่า เสื้อที่พบใกล้ตัวผู้เสียชีวิตเพศชาย มีการสกรีนลวดลายที่บ่งบอกว่า เป็นสัญลักษณ์ของสมาคมนานาชาติ และสมาคมสตรี ที่ก่อตั้งขึ้นในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเรื่องนี้ตำรวจจะต้องตรวจสอบด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ สำหรับตู้คอนเทนเนอร์ที่พบศพ ถูกขนส่งออกจากท่าเรือประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 24 กันยายน โดยทางเรือ ถึงท่าเรือแหลมฉบังเมื่อวันที่ 28 กันยายน ก่อนที่เช้าวันนี้จะถูกขนย้ายมาที่คลังสินค้าลาดกระบังในเวลา 05.00 น. และมีพนักงานมาตรวจเช็กตู้คอนเทนเนอร์ จนนำไปสู่การพบศพ และแจ้งเจ้าหน้าที่

สำหรับตู้คอนเทนเนอร์ที่พบศพ ได้รับการยืนยันจาก ว่าที่ พ.ต.ต.นรงฤทธิ์ ว่ามีการเคลื่อนย้ายมาหลายประเทศ ก่อนมาพบศพที่ประเทศไทย โดยตั้งแต่วันที่ 11-15 กันยายน พบว่ามีการใช้ขนส่งสินค้าอยู่ในประเทศจีน กว่า 3 มลฑล ก่อนจะพบว่าวันที่ 19 กันยายน มีการขนส่งไปประเทศฮ่องกง และวันที่ 20 กันยายนไปส่งสินค้าไต้หวัน 

จากนั้นวันที่ 23 กันยายน ได้ขนส่งไปกรุงมะลิลา ประเทศฟิลิปปินส์ และวันที่ 24 ได้มีการเคลื่อนย้ายตู้เปล่า ออกจากกรุงมะนิลา เดินทางมาถึงท่าเรือแหลมฉบัง กระทั่งเดินทางถึงในวันที่ 28 กันยายน ก่อนจะมีการเคลื่อนย้ายตู้มาถึงที่คลังสินค้าลาดกระบังในเช้าวันนี้ เวลา 05.00 น.