
12 กันยายน 2566 พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หน.ชุด PCT 5, พ.ต.อ.วิชัย แดงประดับ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น., พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น. พร้อมเจ้าหน้าที่สืบนครบาล และเหล่านักเรียนอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 112 ร่วมกันจับกุมตัวนายอภิชาติ หรือ “ผิงผิง” อายุ 22 ปี ชาว จ.ขอนแก่น ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา“ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” พร้อมของกลางบัตรประจำตัวประชาชน จำนวน 6 ใบ (เป็นของบุคคลอื่น) รับว่าเป็นของบัญชีม้าโทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง (ของตนเอง 2 เครื่อง , ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 4 เครื่อง)เงินสด 25,000 บาท และยา Clonazepam จำนวน 3 แผง (ยาที่ใช้มอมเหยื่อ)
พฤติการณ์กล่าวคือ นายอภิชาติ หรือ ผิงผิง สาวประเภทสอง วัย 22 ปี ตระเวนก่อเหตุ “วางยาและรูดทรัพย์” เหล่าชายหนุ่มทั่วกรุง โดยแผนประทุษกรรมเริ่มต้นจาก “แอปฯหาคู่” โดยเธอทำตัวเป็นสาวสองทรงเจ๊ สายเปย์ ขึ้นข้อความผ่านแอปฯ “สาวสอง ใครร้อนเงินทักมา” หลอกล่อชายหนุ่มที่ชื่นชอบ ในเพศเดียวกัน มาติดกับดัก เมื่อนัดเจอกันแล้ว เธอได้เตรียมการ โดยนำยา Clonazepam จำนวน 3-10 เม็ดมาบดให้ละเอียด ก่อนจะเทลงในแก้วน้ำที่เตรียมไว้ และใส่น้ำแข็งปิดบังคราบผงยาทีู่่ก้นแก้ว
ทันทีที่ชายหนุ่มมาถึงสถานที่ เธอเริ่มเปย์ด้วยการจ่ายเงินให้ก่อน จากนั้นหว่านล้อมให้เหยื่อดื่มเบียร์ จนติดกับดัก เมื่อยาดังกล่าวออกฤทธิ์เหยื่อ ง่วงซึม มึนศีรษะ สับสน จดจำสิ่งต่างๆ ไม่ได้ เกือบทุกรายล้มพับไปในไม่กี่อึดใจ บางรายพยายามฝืนต้านฤทธิ์ยา เธอยิ่งชอบเพราะเธอจะลงมือทำร้ายร่างกายเช่น กระโดดถีบ ต่อยหน้า ตบหน้า โดยที่เหยื่อไร้เรี่ยวแรงต่อสู้ จนกว่าเหยื่อจะสลบไปเมื่อเหยื่อไร้สติ เธอจะลงมือกวาดทรัพย์สินของเหยื่อไปจนเกลี้ยง รายใดโชคร้ายขับรถมาก็จะถูกขโมยไปด้วย
ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ก.ย. 66 เธอได้ลงมือก่อเหตุกับชายหนุ่มรายหนึ่ง ที่โรงแรมชื่อดังในซอยศรีอยุธยา 12 แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี จ.กรุงเทพฯ โดยเธอได้ขโมยเงินสด โทรศัพท์ และรถจักรยานยนต์บิ๊กไบท์ ของเหยื่อไป มูลค่าความเสียหายประมาณ 200,000 บาท จากนั้นหลบหนีไป
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนติดตามไล่ล่ามาเกือบ 2 เดือน จนแกะรอยพบว่านายอภิชาติกำลังหลบหนีออกไปทาง อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อหลบหนีออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จึงติดตามจับกุมได้ที่ริมชายแดน กระทั่งสามารถจับกุมตัวได้ ขณะกำลังพยายาม จะหลบหนีออกไปประเทศเพื่อนบ้าน
เบื้องต้น นายอภิชาติ ให้การรับสารภาพว่า ตนเองเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ใน ปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยทำมาเป็นเวลากว่า 3 ปี หลอกคนไทยได้ยอดรวมประมาณล้านกว่าบาท ซึ่งตนได้ค่าคอมมิชชั่นมา 400,000 บาท แต่ได้ใช้จ่ายกับการพนันไปหมดแล้ว ปัจจุบันตนได้เป็นมือขวาของบอสชาวไต้หวัน ชื่อว่า เสี่ยว เฟ่ย เชียน ซึ่งเป็นเจ้าของคอลเซ็นเตอร์ 3 ตึกในปอยเปตโดยทำหน้าที่เป็น HR และคอยจัดหาบัญชีม้า ให้กับบอสชาวจีน จะเข้าออกกัมพูชาและประเทศไทยเป็นประจำ
ส่วนที่ก่อเหตุ เพราะตนเองเสพติดภาพการล้มพับของเหยื่อ เพราะมันทำให้ตนเองมีความสุข, ความสนุก, ความสะใจ เคยลองมอมยาใส่กลุ่มชายหนุ่ม ในสถานที่ท่องเที่ยว เห็นเหยื่อล้มฟุบพร้อมกัน 4 คน ทำให้รู้สึกว่า ตัวเองมีพลังวิเศษ ซึ่งตอนนี้ได้เสพติดความสุขนี้ไปแล้ว และจะหาเวลาว่างจากการทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เดือนละ 2-3 ครั้ง เพื่อเข้ากรุงเทพมาก่อเหตุความสุขก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนก็หวังทรัพย์สินจากเหยื่อด้วย
โดยจุดเริ่มต้นเกิดจาก ตนเคยถูกผู้ชายมามีเพศสัมพันธ์ด้วย แล้วโดนชายคนนั้นขโมยทรัพย์สินไประหว่างที่ตนเองหลับ ไปกว่า 80,000 บาท จึงแค้นมาก วางแผนล่อลวงชายคนนั้นมา และได้ลองมอมยาแบบนี้เป็นครั้งแรก โดยตอนนั้นใส่ยาไปทั้งหมด 10 เม็ด จนล้มพับไปจากนั้นก็ขโมยของ ขโมยรถของชายคนนั้น จากนั้นก็รู้สึกสนุก สะใจ จึงติดเป็นนิสัยและก่อเหตุต่อมาเรื่อยๆ
โดยยาที่ตนได้มานั้น ตนเองไปหาหมอแล้ว จะบอกว่าต้องการยาตัวนี้ ถ้าหมอคนไหนไม่ยอมให้ ก็จะแสดงละคร บอกหมอว่าถ้าไม่ให้ จะไปฆ่าตัวตาย หมอก็จะยอมให้ โดยให้ทีละ 20-30 แผง และที่เลือกวางยาในเบียร์แบบนี้ เพราะว่าตนเคยลองใส่ในน้ำเปล่าแล้ว มันจะขุ่นๆทำให้เหยื่อดูออกได้ง่าย
ส่วนรถที่ตนเองได้ขโมยมา จะนำไปขายให้กับขบวนการส่งรถออกนอกประเทศ โดยจะเก็บรถที่ขโมยมาไว้กับตัวเองไม่เกิน 2 ชั่วโมง ส่วนบัตรประชาชนที่ถูกตรวจค้นพบหลายๆใบนั้น ตนเองได้มาจากเหยื่อบ้าง และได้จากพวกเปิดบัญชีบ้าง เลยนำมาใช้ในการทำธุรกรรมต่างๆแทนชื่อของตนเองเพื่อปกปิดตัวเอง” หลังจับกุมตัว ได้นำส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช เปิดเผยว่า ยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การ จากการขยายผลจับกุม พบพยานหลักฐาน รถจักรยานยนต์ ซึ่งต้องสงสัยว่าได้จากการก่อเหตุ กว่า 13 คัน และพบข้อมูลเหยื่อ และผู้ที่กำลังจะตกเป็นเหยื่ออีกไม่ต่ำกว่า 10 ราย จึงขอประชาสัมพันธ์ถึงผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่อคนร้ายรายนี้ ให้แจ้งมาที่เฟซบุ๊กเพจ สืบสวนนครบาล IDMB เรามีเจ้าหน้าที่ประสานงานตลอด 24 ชั่วโมง และปกปิดข้อมูลเป็นความลับ
ขอฝากเตือนไปยังเหล่าผู้ปกครอง หมั่นเฝ้าระวังบุตรหลาน ที่ชื่นชอบการเล่นแอปพลิเคชันหาคู่ลักษณะนี้ ให้หลีกเลี่ยง เพื่อความปลอดภัยในชีวิตร่างกายและทรัพย์สินของท่าน ในส่วนของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตอนนี้เราได้ข้อมูลสำคัญของขบวนการมามากพอสมควร ซึ่งเราจะมีการขยายผลต่อไปจนถึงที่สุด แม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.