
9 กันยายน 2566 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า สำหรับคดีการเสียชีวิตของ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ทล.1 กก.2 บก.ทล. จะถูกแบ่งออกเป็น 2 สำนวนคดี โดยคดีแรกเป็นคดีที่ นายประวีน จันทร์คล้าย หรือ กำนันนก ใช้ให้ นายธนัญชัย หมั่นมาก ก่อเหตุสังหาร พ.ต.ต.ศิวกร ซึ่งมีพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เป็นผู้รับผิดชอบ
ส่วนอีกสำนวนจะเป็นการดำเนินเอาผิด “กลุ่มเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ให้การช่วยเหลือ หรือซ่อนเร้นทำลายพยานหลักฐาน” ในส่วนสำนวนนี้ได้มอบหมายสั่งการให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม เป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับ คาดว่าภายใน 1-2 วันนี้ จึงจะมีความชัดเจน ว่ามีเจ้าหน้าที่รายใดรวมกระทำผิดบ้าง และต้องถูกออกหมายจับดำเนินคดีกี่ราย
รอง ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า ในวันนี้ตนยังได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.5 บก.ป. นำกำลังลงพื้นที่สืบหาอาวุธปืนของกลาง กระบอกที่ นายธนัญชัย ใช้ก่อเหตุ เบื้องต้นทราบว่าพบเจอแล้ว แต่จะเป็นปืนของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบให้แน่ชัด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากแนวทางสืบสวนพบว่า สำหรับอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุนั้น เบื้องต้นเป็นอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่ง ทำหน้าที่พลขับให้กับผู้บังคับบัญชาสังกัดภูธรจังหวัดนครปฐม ซึ่งได้ขายต่อให้กับ นายประวีณ หรือ กำนันนก ก่อนที่ นายประวีณ จะนำมาให้ นายธนัญชัย ลูกน้องคนสนิทพกติดตัวไว้ใช้ เพื่อคอยคุ้มกันตนเอง
ซึ่งหลังนายธนัญชัย ก่อเหตุเสร็จได้นำอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวไปฝากไว้กับคนงานชาวเมียนมา นำไปฝังซ่อนไว้ใต้กรงสุนัข ส่วนอาวุธปืนอีกกระบอกที่นายธนัญชัย พกติดตัวในวันที่ถูกวิสามัญ นั้น ก็เป็นของนายประวีน ให้ไว้ใช้พกพาติดตัวเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้จากแนวทางสืบสวนของชุดคลี่คลายคดีดังกล่าว ยังพบหลักฐานว่า หลังเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยให้การช่วยเหลือนายธนัญชัย จริง อีกทั้งยังปล่อยเวลาล่วงเลยนานพอสมควร ก่อนจะโทรประสานแจ้งเหตุกับทางสถานีตำรวจท้องที่ จึงทำให้กลุ่มลูกน้องของกำนันนก มีเวลามากพอที่จะจัดเก็บ ทำลายพยานหลักฐานต่าง ๆ โดยเฉพาะเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ ได้ทันก่อนที่ตำรวจท้องที่จะเข้ามาถึง เบื้องต้นได้มีการเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ และร่องรอยลายนิ้วมือแฝง ไว้เป็นดำเนินการตรวจสอบเป็นเรียบร้อยแล้ว