
ประเด็น "ส่วยสติกเกอร์" ถูกวิพากษ์วิจารณ์ความน่าเชื่อถือการทำงานของตำรวจมานานหลายเดือน สังคมจับตาเรื่องนี้ว่า การลงโทษ การดำเนินคดีกับตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะออกมาเป็นอย่างไร
เนชั่นออนไลน์ พาไปสรุปเหตุการณ์ #ส่วยทางหลวง #ส่วยสติ๊กเกอร์ เริ่มขึ้นเมื่อ วันที่ 26 พฤษภาคม 2566 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์แฉกรณีรถบรรทุกไม่ว่าคันไหน เมื่อติด "สติ๊กเกอร์ส่วย" สามารถผ่านได้ทุกด่าน ไม่ว่าจะบรรทุกน้ำหนักเกินแค่ไหนก็ตาม
โดยชี้ให้เห็นว่า ส่วยสติ๊กเกอร์มีหลากหลายรูปแบบ อาทิ พระอาทิตย์ยิ้ม, กระต่าย, กังฟูแพนด้า, แผนที่ประเทศไทย, ผลไม้, ใบไม้, ดาว, ตัวอักษรไทย-อังกฤษ, ผีตาโขน เป็นต้น แต่ละสัญลักษณ์ ครอบคลุมพื้นที่ต่างกัน เพื่อให้ทราบว่า จะต้องจ่ายให้ใคร จัดการได้ถึงพื้นที่ไหน
นายวิโรจน์ ยังพาดพิงถึงกรมทางหลวง และกองบังคับการตำรวจทางหลวง ไม่น่าจะยอมให้สติ๊กเกอร์ #พระอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง version 6.0 มาติดบนกระจกรถบรรทุก เย้ยกฎหมายแบบนี้
เรื่องนี้ร้อนถึง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง มอบหมาย พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน เน้นย้ำว่าหากพบตำรวจเกี่ยวข้อง ดำเนินการทางวินัย-อาญา อย่างเด็ดขาด
ต่อมาวันที่ 30 พฤษภาคม 2566 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งย้าย พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผบก.ทล. ไปปฏิบัติหน้าที่ประจำศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งเดิม และมอบหมายให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. ปฏิบัติหน้าที่รักษาราชการแทน ผบก.ทล. อีกตำแหน่ง นอกจากนี้ พล.ต.ท.จิรภพ ยังมีคำสั่งแต่งตั้งให้ พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก. เป็นหัวหน้าคณะทำงาน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวอีกทางหนึ่งด้วย
วันที่ 9 มิถุนายน 2566 "ผู้การเต่า" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว เซ็นคำสั่งย้ายกราวรูด 40 ตำรวจทางหลวง เข้า ศปก.ทล เซ่นปมส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก แบ่งเป็น รอง ผกก. 1 นาย รอง สว. 17 นาย และชั้นประทวนอีก 22 นาย
การตรวจสอบข้อเท็จจริง ผ่านไปนานกว่า 3 เดือน ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2566 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ออกมาเปิดเผยความคืบหน้าเรื่องนี้ว่า คดีนี้ บก.ทล. ได้สั่งย้ายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับส่วยสติ๊กเกอร์ จำนวน 40 นาย มาช่วยราชการตั้งแต่ช่วงกลางปี ที่ผ่านมา และได้สอบปากคำทุกคนเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว จากนั้นได้ส่งตำรวจทั้ง 40 นาย กลับไปประจำหน่วยเดิม แต่ไม่ได้ทำงานเกี่ยวข้องกับประชาชน
ในจำนวนนี้มีตำรวจ 6 นาย เป็น รอง ผกก. 1 นาย รองสารวัตร 1 นาย ชั้นประทวน 4 นาย ซึ่งมีพยานหลักฐานชัดเจนว่า เกี่ยวข้องกับการทุจริตส่วยสติ๊กเกอร์ ถูกส่งเรื่องไป ป.ป.ช. เพื่อชี้มูลความผิด
นอกจากนี้ยังมีตำรวจทางหลวงอีกอีก 11 นาย ที่ถูกร้องเรียนในการกระทำความผิดรูปแบบอื่น ๆ กองบังคับการตำรวจทางหลวงได้เรียกตัวทั้งหมดมาทำการอบรม พร้อมกับส่งกลับไปยังต้นสังกัดและติดตามพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด
ตำรวจทั้ง 40 นาย จะถูกส่งเรื่องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิจารณาเรื่องการลงโทษทางวินัย และจะพิจารณาย้ายออกนอกหน่วยในการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งต่อไป
ทั้งนี้ ระหว่างการสืบสวนสอบสวนเรื่องดังกล่าว มีเจ้าหน้าที่ประจำด่านชั่งน้ำหนักของกรมทางหลวง ทำเรื่องร้องเรียนกันไปมาเกี่ยวกับการทุจริตส่วยสติ๊กเกอร์และการเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการรถบรรทุก จึงได้เรียกเจ้าหน้าที่ทั้งหมดมาทำการสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิจารณาส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า หลังจากมีการเข้าไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าว พบว่ามีความพยายามจากผู้ประกอบการรถบรรทุกบางคนติดต่อขอให้ช่วยเหลือผ่อนคลายการบังคับใช้กฎหมายจับกุมการบรรทุกน้ำหนักเกินของรถบรรทุกในสายทางต่าง ๆ ซึ่งตนได้ปฏิเสธการให้การช่วยเหลือในทุกรูปแบบ และให้ไปติดต่อทางกระทรวงคมนาคมเพื่อให้แก้ไขกฎหมายให้สามารถบรรทุกเกินได้ตามความต้องการของผู้ประกอบการแต่ละคน
นอกจากนี้ยังได้แจ้งเรื่องดังกล่าวให้อธิบดีกรมทางหลวงรับทราบ ซึ่งทางอธิบดีฯ ได้กำชับให้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการบรรทุกน้ำหนักเกินอย่างเต็มที่โดยไม่ละเว้น เพราะว่าปัญหาดังกล่าว สร้างความเสียหายกับถนนทางหลวงหลายสาย ซึ่งต้องเสียงบประมาณในการซ่อมแซมเป็นจำนวนมาก
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันอีกว่า กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้บังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการจับกุมรถบรรทุกเกินและการปราบปรามการทุจริตในกรมบังคับการตำรวจทางหลวงอย่างเต็มที่ ไม่ได้ทำงานตามกระแสอย่างที่กลุ่มการเมืองบางฝ่ายตั้งข้อสังเกต และเพื่อไม่ให้ข้าราชการตำรวจในหน่วยไปแสวงหาเงินจากการทุจริตได้เข้าไปตรวจสอบและดูแลสวัสดิการของเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงให้ได้รับค่าตอบแทนอย่างเต็มที่