svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ทลายขบวนการขนตัวนิ่ม หนัก 1.4 ตัน มูลค่า 50 ล้าน เตรียมส่งขายประเทศที่ 3

17 สิงหาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ตำรวจ ปทส.-ทางหลวง รวบ 2 ผู้ต้องหา ขบวนการขนเกล็ดตัวนิ่ม หนัก 1.4 ตัน มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท ใช้ถุงดินวางทับเพื่ออำพรางสายตา เตรียมส่งขายทำเป็นยาอายุวัฒนะ หรือ ยาโด๊ปในตลาดมืด ประเทศมหาอำนาจของเอเชีย ราคาสูง ถือเป็นการจับกุมครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 10 ปี

17 สิงหาคม 2566 พ.ต.อ.อริยพล สินสอน รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(รอง ผบก.ปทส.) และตัวแทนจากกองบังคับการตำรวจทางหลวง(บก.ทล.) ร่วมแถลงจับกุมขบวนการลักลอบขนเกล็ดตัวลิ่นข้ามชาติ สามารถจับกุมนายธนากร (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี และนายรุ่ง (สงวนนามสกุล)อายุ 50 ปี ผู้ต้องหา พร้อมของกลางเกล็ดตัวลิ่นหรือตัวนิ่ม น้ำหนักรวมกว่า 1,400 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท และรถบรรทุก 6 ล้อทะเบียนหมวดจังหวัดสงขลา ที่ใช้ในการขนส่ง

สืบเนื่องจาก โลกออนไลน์มีการลักลอบค้าสัตว์ป่าโดยผิดกฎหมายเพิ่มมากขึ้น รูปแบบการกระทำความผิดเป็นขบวนการ ตำรวจสอบสวนกลางจึงออกสืบสวนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามการค้าสัตว์ป่า กระทั่งทราบว่า จะมีการลักลอบขนเกล็ดตัวลิ่นจากพื้นที่ภาคใต้ ไปยังชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อส่งต่อไปยังประเทศที่ 3

ทลายขบวนการขนตัวนิ่ม หนัก 1.4 ตัน มูลค่า 50 ล้าน เตรียมส่งขายประเทศที่ 3


กระทั่ง วันที่ 16 สิงหาคม ที่ผ่านมา ตำรวจ บก.ปทส. ได้ประสานไปยังตำรวจทางหลวง ให้เข้าสกัดจับกุมในช่วงตอนประมาณ 20.30 น. บริเวณทางหลวงหมายเลข 2046 ช่วงกิโลเมตรที่ 50 ถึง 51 ต.สมสะอาด อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ 

โดยพบรถต้องสงสัยผ่านเข้ามาในพื้นที่ มีลักษณะเป็นรถนำเพื่อสำรวจเส้นทาง และรถบรรทุกของกลางตามหลัง ซึ่งเป็นลักษณะต้องสงสัยว่า จะมีการขนส่งสิ่งผิดกฎหมาย จึงขอเข้าตรวจค้น พบเกล็ดตัวลิ่นบรรจุอยู่ในกระสอบปุ๋ย 42 ถุง น้ำหนักรวม 1,400 กิโลกรัม มีการวางเกล็ดตัวลิ่นไว้ที่ชั้นล่าง ส่วนบริเวณชั้นบนจะวางกระสอบดินทางการเกษตรทับปกปิดสายตาไว้

ทลายขบวนการขนตัวนิ่ม หนัก 1.4 ตัน มูลค่า 50 ล้าน เตรียมส่งขายประเทศที่ 3

จากการสอบปากคำ ผู้ต้องหา ให้การว่า ได้รับการว่าจ้างเป็นเงินจำนวนหนึ่ง โดยไปรับสินค้ามาจากบริเวณริมถนนในจังหวัดราชบุรี เพื่อนำไปส่งให้กับกลุ่มผู้ว่าจ้าง รอรับอยู่ที่ จ.มุกดาหาร ซึ่งตำรวจทางหลวง มีข้อมูลของกลุ่มขบวนการเดิมที่เคยทำการสืบสวนสอบสวนไว้ในระดับหนึ่ง 

โดยจะนำข้อมูลจากพยานหลักฐานที่ได้ไปตรวจสอบว่าเกี่ยวพันกับกลุ่มเครือข่ายเดิมหรือไม่ เชื่อว่าขบวนการดังกล่าวได้ทำการชำแหละและถอดเกล็ดจากประเทศในภาคใต้ และขนส่งเข้ามาในประเทศไทยซึ่งเป็นทางผ่านไปยังประเทศทางตอนเหนือของไทย ถือว่าเป็นการจับกุมเกล็ดตัวลิ่นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 10 ปี

ทลายขบวนการขนตัวนิ่ม หนัก 1.4 ตัน มูลค่า 50 ล้าน เตรียมส่งขายประเทศที่ 3
ทลายขบวนการขนตัวนิ่ม หนัก 1.4 ตัน มูลค่า 50 ล้าน เตรียมส่งขายประเทศที่ 3

เบื้องต้น ตำรวจ บก.ปทส. ได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ. สงวน และคุ้มครองสัตว์ป่า 2562”

สำหรับการประเมินมูลค่าความเสียหายของกลางที่ตรวจยึดได้ หากสามารถส่งออกไปยังประเทศที่ 3 ราคาจะสูงขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว เบื้องต้น ปัจจุบัน ราคาในตลาดมืดอยู่ที่กิโลกรัมละ 40,000 บาท โดยเกล็ดตัวลิ่นเป็นซากสัตว์ป่าคุ้มครองของประเทศไทย เป็นสัตว์ป่าในบัญชีที่ 1 ตามอนุสัญญาไซเตส ซึ่งประเทศไทยเป็นสมาชิกลำดับที่ 80 ที่ลงนามรับรองในอนุสัญญานี้ 

ทั้งนี้ ข้อมูลตามสภาพแวดล้อมพบว่า ตัวลิ่นหรือตัวนิ่มพันธุ์มลายู เป็นสัตว์ป่าในบัญชีหมายเลข 1 ที่ประเทศไทย ต้องปฏิบัติตามอนุสัญญาดังกล่าวคือ ห้ามส่งออก นำเข้าหรือครอบครอง เว้นแต่เป็นกรณีของการศึกษาวิจัย 

ทลายขบวนการขนตัวนิ่ม หนัก 1.4 ตัน มูลค่า 50 ล้าน เตรียมส่งขายประเทศที่ 3

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญ ชี้ว่าเกล็ดตัวนิ่มที่พบน่าจะถูกฆ่าเพื่อให้ได้เกล็ดในล็อตนี้ประมาณ 3,000-4,000 ตัว โดยเกล็ดลิ่น 1 กิโลกรัม จะเท่ากับลิ่มตัวโตเต็มวัย 3 ตัว เพื่อนำเอาเนื้อไปเป็นส่วนประกอบของอาหาร และไปเป็นส่วนประกอบหนึ่งของยาอายุวัฒนะและยาโด๊ป ซึ่งได้รับความนิยมในกลุ่มประเทศมหาอำนาจ ย่านเอเชีย ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศวิทยาเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้จากข้อมูลของกรมอุทยาน พบว่า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 การขนส่ง และความต้องการตัวลิ่นลดน้อยลง แต่ปัจจุบันมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้น จึงเกิดการลักลอบขนส่งล็อตใหญ่ขนาดนี้เกิดขึ้น และมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการลักลอบขนส่งแบบยังมีชีวิตหรือการชำแหละเอาเนื้อ หรือเกล็ดเพียงอย่างเดียว

ทลายขบวนการขนตัวนิ่ม หนัก 1.4 ตัน มูลค่า 50 ล้าน เตรียมส่งขายประเทศที่ 3

logoline