svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

เตือนภัย แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกดูดเงิน "ผู้ประกาศข่าว" สูญกว่า 1.2 ล้าน

ตร.เตือนภัยออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกดูดเงินผู้ประกาศข่าว สูญกว่า 1.2 ล้าน เหยื่อสงสัยเหตุใดคนร้ายมีข้อมูลส่วนตัว ชี้โจรไซเบอร์มีความแยบยล ขณะที่อธิบดีกรมที่ดินตั้งคณะกรรมการควบคุมการเปิดเผยข้อมูลให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

16 สิงหาคม 2566 พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย ตำรวจ บก.สอท.1 ตำรวจ บก.สส.บช.น. ตำรวจ บก.ภ.จว.สระแก้ว และน.ส.ประวีณมัย บ่ายคล้อย ร่วมกันแถลงข่าวเตือนภัยออนไลน์แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกดูดเงินผู้ประกาศข่าว สูญเงิน 1.2 ล้าน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


พล.ต.อ.สมพงษ์ กล่าวว่า หลังมีคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทรศัพท์หาเหยื่อแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน หลอกให้อัปเดตข้อมูลการชำระภาษีที่ดิน จากนั้นคนร้ายได้ให้เหยื่อเพิ่ม เพื่อนไลน์ และให้กดลิงก์เข้าเว็บไซต์กรมที่ดินปลอม ต่อมาให้กดดาวน์โหลดที่ข้อความโฆษณาตรากรมที่ดิน เพื่อติดตั้งแอปพลิเคชั่นควบคุมโทรศัพท์ของเหยื่อ 

จากนั้น คนร้ายได้ให้เหยื่อดำเนินการตามขั้นตอนโดยอ้างว่า เพื่อความปลอดภัย ปกป้องข้อมูลของเหยื่อ และให้เหยื่อยืนยันตัวตน โดยให้กรอกข้อมูลรหัสส่วนตัวที่ตั้งขึ้นสำหรับเข้าแอปพลิเคชั่นเป็นตัวเลข 6 ตัว จํานวน 2 ครั้ง เพราะจะใช้รหัสนี้ทุกครั้งในการเข้าแอปพลิเคชัน แล้วให้กดยินยอมที่หน้าจอ 3 จุด 

ต่อมา หน้าจอโทรศัพท์ของเหยื่อปรากฏการทำงานเป็นเปอร์เซ็นต์ โดยคนร้ายได้ชวนเหยื่อคุยและบอกให้รอจนครบ 100% ระหว่างชวนคุยนั้น คนร้ายจะนำรหัสที่ได้ หรือหมายเลขโทรศัพท์ หรือวันเดือนปีเกิดกดเข้า แอปฯธนาคาร หรือหลอกให้เหยื่อกดเข้าแอปฯธนาคารด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อจะได้เห็นเลขรหัส 

เตือนภัย แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกดูดเงิน "ผู้ประกาศข่าว" สูญกว่า 1.2 ล้าน

จากนั้นคนร้ายได้หลอกให้เหยื่อ สแกนใบหน้าโดยอ้างว่า ยืนยันข้อมูลบุคคล และอัปเดตข้อมูลในกรมที่ดิน แต่ความจริงเป็นการปรับยอดการโอนในแอปให้ สูงขึ้น หรือโอนเงินเกิน 50,000 บาทต่อครั้ง แล้วคนร้ายก็จะโอนเงินออกจากบัญชีของเหยื่อออกไป รวมทั้งได้ทำรายการ ถอนเงินสดจากบัตรเครดิตมาใส่ในบัญชีธนาคาร แล้วถอนเงินออกไปจนหมด

จุดสังเกตของปลอม

1.ไลน์เป็นชื่อบัญชีส่วนบุคคล และจะไม่ขอเพิ่มเพื่อนโดยเจ้าหน้าที่
2.นามสกุลของโดเมนของเว็บไซต์ มักลงท้ายด้วย .CC และไม่ได้ให้โหลดผ่าน Google Play (ให้กด 3 จุด ด้านล่างขวา และบอกให้กดโหลด “ช่องทางอื่น” หรือ “chrome”)


จุดสังเกตของจริง

1.ไลน์เป็นชื่อ Smart Lands ซึ่งเป็นบัญชีทางการ (Official) ไม่สามารถโทรคุยกับคนทั่วไปได้
2. แอปพลิเคชันของจริงจะโหลดได้จาก Google Play หรือ App store เท่านั้น


วิธีป้องกันภัยโจรไซเบอร์

1.หาช่องทางตัดสาย แล้ว “เช็ก ก่อน เชื่อ” คือโทรหาเบอร์ call center หน่วยงานที่คนร้ายแอบอ้างก่อนว่า “จริง หรือไม่" กรมที่ดินเบอร์ 02-141-5555 หรือกรมพัฒนาธุรกิจ เบอร์ 1570, 02-547-4441 หรือการไฟฟ้า เบอร์ 1129 ซึ่งเป็น 3 แอป ยอดนิยมในการหลอก เพื่อสอบถามว่ามีจริง หรือไม่ หรือโทรมาที่ 1441 ก่อนดำเนินการใดๆ

2.ไม่กดลิ้งก์ใน SMS หรือไลน์แปลกปลอม จากนั้นที่เราไม่รู้จักตัวจริงหรือไลน์ทางการของหน่วยงานนั้นมาก่อน และที่สำคัญ อย่าติดตั้งแอปพลิเคชันใดๆ ตามคำแนะนำเป็นอันขาด หากต้องการติดตั้งแอปพลิเคชั่นใดๆ ควรโหลดและติดตั้งจาก Google Play หรือ Apple Store โดยเข้าไปค้นหา “ชื่อ” ด้วยตนเอง ห้ามบันทึกลิ้งก์ (Copy) จากคนที่เราไม่รู้จักให้มาแล้วนำไปวางในช่องเว็บเบราว์เซอร์เพื่อติดตั้งแอปพลิเคชัน

เตือนภัย แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกดูดเงิน "ผู้ประกาศข่าว" สูญกว่า 1.2 ล้าน

สำหรับคดีประวีณมัย ผู้ประกาศข่าวที่โดนคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้ติดตั้งแอปพลิเคชันควบคุมโทรศัพท์แล้วโอนเงินออกไปนั้น ถือได้ว่า คุณประวีณมัย รู้ตัวว่า ถูกหลอก และสามารถโทรศัพท์ไปยังศูนย์รับแจ้งเหตุภัยทางการเงินของธนาคาร สายด่วนธนาคาร เพื่อระงับบัญชีม้าไว้ได้อย่างรวดเร็ว ตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 

จากนั้นได้เข้าไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สน.ภาษีเจริญ ภายในเวลา 72 ซม. และพนักงานสอบสวนได้มีหนังสือภายในเวลาไม่เกิน 7 วัน สั่งให้ธนาคารอายัดเงินไว้ ทำให้สามารถอายัดบัญชีได้ทันบางส่วน ก่อนมีการส่งเรื่องมาจาก บก.สอท.1 เพื่อทำการสืบสวนสอบสวนต่อ 

ขณะนี้ บก.สอท.1 ได้ดำเนินการอายัดบัญชีม้าทั้ง 6 แถว รวม 24 บัญชี ไว้ได้ และได้เรียกเจ้าของบัญชีทุก บัญชีให้มาชี้แจง เพื่อพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายอาญาต่อไป 

เตือนภัย แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกดูดเงิน "ผู้ประกาศข่าว" สูญกว่า 1.2 ล้าน

ทั้งนี้ได้ออกหมายเรียกและหมายจับไปแล้วกว่า 10 ราย และในวันเดียวกัน ได้รับแจ้งการถูกหลอกลวงแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมที่ดินประมาณ 3 ราย หนึ่งในนั้นมีผู้เสียหายเป็นข้าราชการตำรวจ อยู่ที่จังหวัดเชียงราย มีผู้เสียหายในพื้นที่จังหวัดลำปาง ซึ่งทางพื้นที่ได้รับผิดชอบเรื่องคดีเรียบร้อยแล้ว และมีในพื้นที่ของ บก.สอท.3 อีก 1 คดี รวมมีผู้เสียหายถูกหลอกลวงในลักษณะเดียวกันประมาณ 10 ราย จากการตรวจสอบบัญชีม้าพบว่า กลุ่มคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นกลุ่มเดียวกัน

ด้าน น.ส.ประวีณมัย กล่าวว่า คนร้ายได้ติดต่อมาหาตนผ่านช่องทาง LINE โดยอ้างว่า เป็นเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน ต้องการให้ตนอัปเดตข้อมูลที่ดิน โดยมีทางเลือกให้สามารถไปดำเนินการที่สำนักงานที่ดินจังหวัด ซึ่งจำกัดวันละ 50 คน หรือจะใช้ช่องทางออนไลน์ก็ได้ โดยเมื่อตนตกลงใช้บริการช่องทางออนไลน์ 

จากนั้นคนร้ายจะให้แอด LINE ที่ใช้ชื่อของกรมที่ดิน ก่อนทำทีคำแนะนำ ให้ลิงก์เว็บไซต์ปลอมของกรมที่ดิน และให้ลงทะเบียนบนหน้าเว็บไซต์ เพื่ออัปเดตข้อมูลที่ดิน โดยต้องกรอกข้อมูลส่วนบุคคล เลขบัตรประจำตัวประชาชน รวมถึงตั้งรหัส pin 6 หลัก ซึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้ตนหลงเชื่อ คือ คนร้ายมีข้อมูลเกี่ยวกับที่ดินของตนเองถูกต้องทั้งหมด ทั้งจำนวนระวางและเลขโฉนด 

นอกจากนี้ ระหว่างการใส่ข้อมูลคนร้ายจะพยายามชวนคุย และให้ตนเองสแกนใบหน้า โดยอ้างว่า เป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยจากหน่วยงานภาครัฐ และสังเกตเห็นว่า ระหว่างนั้นโทรศัพท์มือถือใช้งานไม่ได้ชั่วคราว

เตือนภัย แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกดูดเงิน "ผู้ประกาศข่าว" สูญกว่า 1.2 ล้าน

ทั้งนี้ จุดที่ทำให้ฉุกใจว่า อาจถูกมิจฉาชีพหลอกลวง คือ คนร้ายให้ข้อมูลเรื่องภาษีเงินได้ไม่ถูกต้อง เมื่อขอชื่อคนร้ายไปตรวจสอบ ก็พบว่ามีชื่อเป็นเจ้าหน้าที่สังกัดกรมที่ดิน ในจังหวัดภูเก็ตจริง แต่ไม่ตรงกับข้อมูลที่คนร้ายอ้างว่า ตนเองเป็นเจ้าหน้าที่กรมที่ดินส่วนกลางที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ 

จึงรีบหยุดดำเนินการ และรีบตรวจสอบเงินในบัญชีจำนวน 3 บัญชี พบว่ามียอดเงินที่โอนเข้าบัญชีตัวเองซึ่งเกิดจากคนร้ายขออนุมัติวงเงินสดเข้าบัญชีตนเอง ก่อนถอนเงินออกจากบัญชีไป รวม 3 บัญชี สูญเงินกว่า 1.2 ล้านบาท จึงรีบแจ้งธนาคารเพื่ออายัดบัญชี จากนั้นทางธนาคารได้ให้เคสไอดี เพื่อนำไปแจ้งความกลับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อสืบสวนดำเนินคดี และในวันนี้ตนเองก็ได้นำข้อมูลของผู้เสียหายรายอื่นๆ มามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

น.ส.ประวีณมัย กล่าวอีกว่า ถึงแม้จะรู้แล้วว่ามีมิจฉาชีพ แต่โอกาสของการพลั้งเผลอเกิดขึ้นได้ ซึ่งผู้เสียหายมีหลากหลายอาชีพ ใครที่มีความรู้ หรือใครที่อาจจะไม่รู้ ก็มีโอกาสตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้เหมือนกัน เพราะความแยบยลของการก่อเหตุของกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 

ฉะนั้นที่ทางตำรวจเน้นย้ำว่า “ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน” จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งมิจฉาชีพ ส่วนตัวถือว่าเป็นบทเรียนจริงๆ เพราะมั่นใจมากว่าเราไม่มีทางที่จะโดนหลอกแน่ๆ เนื่องจากได้ติดตามเคสก่อนหน้านี้ที่ตำรวจเตือน หรือตนรายงานข่าวเอง ทำให้ทราบอยู่แล้วว่ามิจฉาชีพ ไม่ได้ทำง่ายๆ ต้องมีวิธีหลายขั้นตอน จึงเชื่อว่าจะไม่ถูกหลอกตามขั้นตอนนั้นๆ 

แต่เมื่อมาเจอกับตัวเอง ทำให้รู้ว่ารูปแบบของมิจฉาชีพที่ทำให้เราเชื่อตั้งแต่แรกว่า เป็นเจ้าหน้าที่ที่ดิน และมีข้อมูลที่ดินของเราครบหมด ประกอบกับเวลานั้นได้ทำงานอื่นไปด้วยจึงไม่ได้ตั้งใจดูหน้าจอโทรศัพท์ ยอมรับว่า ส่วนนี้เป็นบทเรียนที่พลาด จึงอยากเตือนว่ามิจฉาชีพมีวิธีการหลอกลวงให้เราหลงเชื่ออย่างแยบยล

เตือนภัย แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกดูดเงิน "ผู้ประกาศข่าว" สูญกว่า 1.2 ล้าน

ด้าน พล.ต.อ.สมพงษ์ กล่าวว่า กลุ่มขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นกลุ่มนายทุนต่างชาติที่อยู่ตามแนวตะเข็บชายแดนแถบประเทศเพื่อนบ้าน ได้พยายามจ้างคนไทยบางคนที่เห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัวไปเป็นลูกจ้าง ในการเป็นพนักงาน และมีการใช้เงินซื้อข้อมูล ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าห่วง เพราะจากการสืบสวนพบว่า มีพนักงานบริษัท, ธนาคาร หรือแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งไปหลงติดพนันออนไลน์ ก็จะแอบเอาข้อมูลมาขายในตลาดมืดของกลุ่มขบวนการที่ตำรวจกำลังสืบสวนอยู่

จึงอยากให้หัวหน้าหน่วย หรือหัวหน้าบริษัทต่างๆ ที่เก็บข้อมูลของประชาชน จะต้องมีมาตรการในการป้องกันข้อมูลรั่วไหล ตำรวจมีความพยายาม ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านในการปราบปรามกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สำหรับกรณีดังกล่าว ทางอธิบดีกรมที่ดินได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อพิจารณาการควบคุมการเปิดเผยข้อมูลต่างๆ ให้มีความเหมาะสม และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ คนร้ายคอลเซ็นเตอร์มีการเปลี่ยนรูปแบบไปอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีการติดตามมาตรการและนโยบายต่างๆ จากภาครัฐเพื่อนำไปใช้สร้างความเชื่อถือให้เหยื่อตายใจ ที่ผ่านมา ตำรวจได้พยายามสืบสวนติดตามจับกุมมาโดยตลอด แต่มักจะหยุดที่กลุ่มบัญชีม้าซึ่งกลุ่มคนร้ายใช้วิธีว่าจ้างชาวบ้านหรือประชาชนในชนบทเปิดบัญชีให้

ส่วนบัญชีม้าแถวถัดไปมักถูกแปลงเงินเป็นสกุลดิจิทัลเพื่อโอนออกนอกประเทศทำให้การสืบสวนติดตามทำได้ยาก หลังจากนี้ตำรวจจจะมีการหารือกับภาคการเงินการธนาคารเกี่ยวกับมาตรการหน่วงเวลาในการโอนเงินสกุลดิจิทัลออกนอกประเทศ เพื่อลดความเสียหายที่เกิดจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์

เตือนภัย แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกดูดเงิน "ผู้ประกาศข่าว" สูญกว่า 1.2 ล้าน