
22 มิถุนายน 2566 พ.ต.ท.เสถียร รัชพงษ์ไทย อดีต รอง ผกก.สส.สภ.หนองขาม จ.ชลบุรี พร้อมด้วย พ.ต.ท.นครราช นนสีลาด อดีต สว.(สอบสวน) สภ.หนองขาม จ.ชลบุรี และ ร.ต.อ.สมบุญ บุดดาเลิศ อดีตรอง สว.สส.สภ.พลูตาหลวง จ.ชลบุรี ผู้ถูกกล่าวหาในคดีร่วมกันรีดทรัพย์ จำนวน 140 ล้านบาท เดินทางมาพร้อมกับทนายความ เพื่อยื่นหนังสือ ให้กับ นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ที่ สำนักงานการสอบสวน ตลิ่งชัน
สำหรับเอกสารร้องเรียนที่ตำรวจทั้ง 3 คนจะยื่นต่ออัยการฯในวันนี้ มีเนื้อหาระบุว่า ทั้ง 3 คน ในฐานะผู้ถูกกล่าวหาคดีนี้ ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการสอบสวน เนื่องจากกระบวนการสอบสวนของตำรวจตั้งแต่ต้นไม่ได้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ มาตรา 31 วรรค 3 ที่กำหนดขั้นตอนการดำเนินคดีว่าต้องแจ้งเหตุให้พนักงานอัยการทราบ เพื่อให้อัยการตรวจสอบหรือกำกับการสอบสวนทันที จึงมาร้องขอความเป็นธรรมจากอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายในกรุงเทพมหานคร เพื่อขอให้เข้ามาตรวจสอบการสอบสวนว่าเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้หรือไม่
พร้อมอ้างถึงการให้สัมภาษณ์ของ “ ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” บอกว่าจะทำให้ถูกขั้นตอนตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ทั้งยังมีการกล่าวอ้างพฤติการณ์ในการกระทำความผิดของกลุ่มผู้ต้องหา ผิดตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ฐานกระทำให้บุคคลสูญหาย แต่ในกระบวนการสอบสวน พนักงานสอบสวนกลับไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ เสียเอง
นอกจากนี้ยังหลีกเลี่ยงไม่แจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ให้แก่ผู้ต้องหาคนใดเลย ทั้งที่ในหนังสือรายงานเหตุอุกฉกรรจ์ระบุพฤติการณ์โดยละเอียด และมีคำให้สัมภาษณ์ของผู้บังคับบัญชายืนยันว่าการกระทำเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าการดำเนินคดีกับพวกตนเองทั้ง 3 คน อาจไม่ชอบมาพากล
อย่างไรก็ตามสำหรับคดีนี้่เกิดขึ้นตั้งแต่ 15 มิถุนายน ทุกอย่าง จนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 7 วันแล้ว การที่พนักงานสอบสวนยังไม่ได้แจ้งเหตุแห่งคดีให้อัยการทราบ แสดงให้เห็นเจตนาในการจงใจไม่ปฏิบัติตามกฏหมายนี้ จึงมีหนังสือฉบับนี้เพื่อขอความเป็นธรรมให้อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ดำเนินการให้มีอัยการเข้ามาร่วมการสอบสวนในครั้งนี้ด้วย
หลังจากนี้จะทำหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในคดีนี้ปฎิบัติตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ อีกทางหนึ่งด้วย
ภายหลังการเข้าพบอธิบดีฯ ราว 1 ชั่วโมง ตำรวจทั้ง 3 นาย พร้อมที่ปรึกษากฎหมาย ออกมาให้สัมภาษณ์พร้อม นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และนายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสวบสวนฯ
โดย นายโกศลวัฒน์ เปิดเผยว่า คดีนี้ ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทรมาน สำนักงานอัยการสูงสุด เห็นว่า ควรแสวงหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม จึงได้เสนอให้อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวนทราบ และมีคำสั่งให้ดำเนินการแสวงหาพยานหลักฐานประกอบการพิจารณา และรายงานอัยการสูงสุดเป็นคดีสำคัญ ส่วนหนังสือร้องขอความเป็นธรรมที่ยื่นไว้วันนี้ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน จะพิจารณาดำเนินการตามกฏหมายโดยเร่งด่วน
เมื่อถามฝ่ายตำรวจ ว่า แล้วการปฏิบัติหน้าที่ในวันนั้น ได้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ หรือเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายหรือไม่นั้น ร.ต.อ.สมบุญ ยืนยันว่า ดำเนินการตามหน้าที่ มีหมายค้น และหมายจับถูกต้อง และนำส่งผู้ต้องหาตามกระบวนการ โดยยอมรับว่า การปฏิบัติการอาจมีส่วนบกพร่องบ้าง แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์ พร้อมบอกว่า ส่วนตัวก็รู้สึกน้อยใจที่ทำตามหน้าที่ แต่กลับมาถูกดำเนินคดี
ด้าน พ.ต.ท.เสถียร บอกว่า ในวันเกิดเหตุ ทำอะไรบ้างนั้น เป็นรายละเอียดในคดี ไม่สามารถเปิดเผยได้ ให้เป็นเรื่องของกระบวนการสอบสวน แต่ยืนยันว่าทั้ง 3 คน ไม่มีส่วนร่วมในการเรียกรับผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น การปฏิบัติงานทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา โดยมีหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง ทั้งเอกสารต่างๆ
วันนี้จึงมาร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการ เนื่องจากมีการแจ้งข้อกล่าวหากับพวกตน 4 ข้อหา แต่ไม่มีข้อหาตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ส่วนตัวของผู้การฯ จะเคยมีพฤติกรรมเรียกรับผลประโยชน์หรือไม่ อยากให้ท่านเป็นคนตอบคำถามนี้เอง
ส่วนที่รอง ผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์ว่า มีตำรวจเกินครึ่งรับสารภาพแล้วนั้น ทั้ง 3 คนตอบพร้อมกันว่า ไม่ทราบว่าใครสารภาพ แต่ส่วนของพวกตนทั้ง 3 คนให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ขณะที่ นายบัณฑิต เทพอยู่ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย เปิดเผยว่า ตำรวจทั้ง 3 นาย รู้สึกสงสัยกรณีที่มีนายตำรวจให้สัมภาษณ์ว่าพฤติการณ์ของพวกเขาข่ายผิด พ.ร.บ.อุ้มหายฯ แต่กลับไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาตาม พ.ร.บ.นี้ จึงมาขอคำแนะนำจากอัยการ ส่วนสาเหตุที่พนักงานสอบสวนยังไม่แจ้งข้อหานี้ เพราะผลการสอบสวนพบว่า ไม่เข้าข่ายหรือไม่ ตนเองไม่ทราบ
นายบัณฑิต ยืนยันว่าการมายื่นขอให้อัยการตรวจสอบไม่ใช่ยอมรับว่าทำผิด พ.ร.บ. เพียงแต่อยากได้ความชัดเจนว่าทั้ง 3 คน เข้าข่ายหรือไม่ เพราะตอนนี้ถูกสังคมเข้าใจว่าทำผิดตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ซึ่งมีโทษรุนแรง ส่งผลกระทบต่อครอบครัว โดยในวันพรุ่งนี้ จะพาทั้ง 3 นาย ไปร้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอเปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวน เนื่องจากไม่มั่นใจในการดำเนินการของพนักงานสอบสวนชุดนี้
ภายหลังจากการสัมภาษณ์ ทั้ง 3 นายยืนยันว่า หลังถูกกล่าวหาในคดีนี้ ไม่มีการข่มขู่จากใครก็ตาม พร้อมบอกว่า ยังไม่ได้พูดคุยกับผู้การชลบุรีที่ถูกกล่าวหาเช่นกัน