
9 มิถุนายน 2566 ความคืบหน้าปมร้อน หลักสูตรการฝึกอบรมข้าราชการตำรวจและบุคคลที่บรรจุ หรือโอนมาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร หรือ "กอส." กรณี “ร.ต.อ.หญิงคนดัง” ล่าสุด พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาชี้แจงกับสื่อมวลชนว่า โดยการชี้แจงครั้งนี้มีรายละเอียดด้วยกัน 3 ขั้นตอน ขั้นแรกการเข้ามาเป็นตำรวจ ร.ต.อ.หญิง เข้ามาเป็นตำรวจเริ่มจาก สำนักงานเลขานุการตำรวจแห่งชาติ ได้ตำแหน่งว่างระดับ รองสารวัตร ที่จำเป็นต้องมาทำงานด้านพิธีการ การประชุม และสารบรรณ
จึงได้มีการเปิดรับสมัครให้มีผู้สมัคร โดยขออนุมัติ ตร.ในการสมัครจำนวน 4 คน จากนั้นได้ใช้วิธีการคัดเลือกตามคุณวุฒิที่เปิดรับสมัคร และได้เข้ามาเป็นข้าราชการตำรวจ โดยมีกฎ ก.ตร.ว่า ผู้ที่จะเข้ามาเป็นตำรวจลักษณะนี้ จำเป็นที่จะต้องบรรจุยศ "ส.ต.ต." ก่อน เมื่อผ่านการอบรม กอส. จะได้ยศ ร.ต.ต.
ส่วนเรื่องยศที่เลื่อนเร็วนั้น โฆษก ตร. ชี้แจงว่า การเข้ามาเป็นตำรวจตามคุณวุฒิปริญญาตรี บรรจุประมาณ 1 ปี และจาก ร.ต.ท.เป็น ร.ต.อ.จะต้องครองยศ 3 ปี ในส่วนของคุณวุฒิปริญญาโท-ปริญญาเอก จาก ร.ต.ต. เป็น ร.ต.ท.ใช้เวลาประมาณ 1 ปี และครองยศอีก 1 ปี ก็จะได้ ร.ต.อ. ในกรณีของ ร.ต.อ.หญิง ได้เข้าอบรม กอส.กับเพื่อนตำรวจประมาณ 350 นาย มีหลักเกณฑ์ดังกล่าวเหมือนกันทั้งหมด โดยไม่มีใครได้รับอภิสิทธิ์ ที่จะได้ยศเร็วกว่าใคร โดยต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ทุกๆ คน
สำหรับคุณวุฒิของผู้กองรายนี้ จากการตรวจสอบเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ได้รับสมัคร คือ วุฒิปริญญาโท ส่วนการรับสมัครตำแหน่งเดียวกันนี้ สำนักงานเลขานุการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ขออนุมัติจาก ตร. เปิดรับสมัครเข้ามาจำนวน 4 คน โดยมีการกำหนดคุณสมบัติตามที่หน่วยงานใน ตร.ต้องการไว้ก่อนจะเปิดรับสมัครสรรหาคนที่มีคุณวุฒิตรงตามที่กำหนด ก่อนจะมีการคัดเลือกต่อไป
พล.ต.ท.อาชยน กล่าวต่อว่า กรณีของผู้กองรายนี้ ไม่ขอใช้คำว่าตำแหน่งคุณวุฒิที่ขาดแคลน เพราะการเข้ามาเป็นข้าราชการตำรวจมีได้หลายทาง ตั้งแต่การสอบแข่งขัน ทายาท การโอนย้ายจากหน่วยราชการอื่น และโดยการคัดเลือก ในส่วนของความขาดแคลน ก็เป็นอีกหนึ่งที่ ตร. มีการรับบุคคลภายนอกมาเป็นตำรวจ เช่น นักวิทยาศาสตร์ พิสูจน์หลักฐาน หรือว่าสายต่างๆ ที่สามารถมาทดแทนในส่วนที่ ตร.ขาดแคลน ก็ถือเป็นคุณวุฒิขาดแคลน
แต่กรณีของผู้กองหญิงรายนี้ มีวุฒิปริญญาโท นิเทศน์ศาสตร์ ไม่ได้เป็นคุณวุฒิที่ขาดแคลน แต่เป็นความต้องการของหน่วยงานใน ตร.ที่จะกำหนดคุณสมบัติคนที่จะเข้ามาบรรจุรับราชการในระดับ "รองสารวัตร" ซึ่งมีคุณสมบัติ และหลักเกณฑ์ต่างๆ ตามที่ต้องการ จึงเปิดรับสมัครคนที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดได้เข้ามา เพื่อตอบสนองความต้องการของหน่วย
ส่วน "กอส." เป็นหลักสูตรที่ให้บุคคลภายนอกได้เข้ามาเป็นตำรวจได้มีการอบรมแต่ละปี ก็จะมีประมาณ 1 รุ่น รุ่นละ 300-350 นาย ในบางปีถ้ามีการรับสมัครจากบุคคลภายนอก ไม่ว่าเหตุผลต่างๆ ก็คือ การสอบแข่งขัน ทายาท คัดเลือกหรือโอนย้ายต่างๆ มีจำนวนมากกว่าหลักสูตร ก็จะทดไปเรียนในปีถัดไป ถือว่าเป็นวงรอบในการอบรม
โฆษก ตร.ระบุว่า นอกจากหลักสูตร กอส.แล้ว ก็มีหลักสูตร กอน. ที่จะรับตำรวจชั้นประทวนเข้ามาสอบแข่งขันกัน เพื่อเลื่อนชั้นตำรวจสัญญาบัตร และมาอบรม และมีหลักสูตร กอต. ซึ่งเป็นการรับตรงคือ รับเฉพาะพนักงานสอบสวน จะมีการสอบแข่งขัน เพื่อเป็นพนักงานสอบสวน แต่ทุกหลักสูตรจะต้องมีการตรวจสอบเรื่องของคุณสมบัติ และความครบถ้วน ถ้าที่นั่งเกิน ก็จะต้องไปอบรมในรอบถัดไป
พล.ต.ท.อาชยน กล่าวอีกว่า สำหรับโรงเรียนนายร้อยตำรวจ แต่ละปีจะรับประมาณ 200 -300 นาย ส่วนเหตุผลการอบรมในการศึกษาชัดเจนอยู่แล้วว่า ข้าราชการตำรวจ มีความหลากหลายในการปฎิบัติหน้าที่ ในสายอาชีพที่ต้องการคนที่มีความรู้ในด้านต่างๆ มาทำงาน ในส่วนของการอบรม กอส.ที่ต้องการคุณวุฒิต่างๆ เข้ามาเป็นตำรวจก็เป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญ เช่น แพทย์ วิทยาศาสตร์ ตำรวจน้ำ หรือบัญชี ฯลฯ เพราะต้องมีบุคคลากรที่คอยซับพอร์ต ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายอำนวยการ
ในส่วนของนักเรียนนายร้อยตำรวจ( นรต.) จะเปิดรับเยาวชนที่มีความตั้งใจ ตั้งแต่มัธยมแล้วว่า อาชีพที่ใฝ่ฝัน คือ ตำรวจ จะใช้ใช้วุฒิมัธยมศึกษาตอนปลายเข้ามาสอบ ตรงนี้จะมีความเข้มข้นเรื่องของการเรียนเพื่อจบมาเป็นตำรวจอาชีพ เป็นพนักงานสอบสวน ต้องเป็นชุดสืบสวน ทำงานด้านจราจร หรือสายงานต่างๆ เป็น front line (ด่านหน้า)ที่ส่วนใหญ่เห็นตามโรงพัก ทั้งหน่วยปฎิบัติซึ่งเป็นส่วนที่ต้องอบรมให้เป็นตำรวจตั้งแต่ชั้นปริญญาตรี เมื่อจบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ก็จะได้วุฒิปริญญาตรี
ซึ่งจะไม่เหมือนบุคคลภายนอกที่อาจจะไม่ได้เบนเข็มมาเป็นตำรวจตั้งแต่ต้น แต่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เช่น บัญชี วิทยาศาสตร์ แพทย์ หรือคุณวุฒิอะไรก็ตามที่ ตร.ก็ต้องเป็นหน่วยสนับสนุนให้กับบุคคลากร
เมื่อถามว่าเมื่อจบ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ กับวุฒิการศึกษา โรงเรียนนายร้อยตำรวจ เมื่อเทียบกับวุฒิการศึกษากับบุคคลภายนอก ชั้นยศระดับรองสารวัตร ระยะเวลาจะไปพร้อมกันหรือไม่ โฆษก ตร. ตอบว่า ใช้หลักเกณฑ์เดียวกันทั้งหมด พอจบได้ยศ ร.ต.ต. ก็เหมือนกัน ถ้าเกิดว่าการครองยศไปจนถึง ร.ต.อ. จะมีการกำหนดชัดเจนว่า กี่ปีได้ขึ้น แต่พอขึ้นระดับ สารวัตร ที่เรียกว่า พ.ต.ต.ก็จะอยู่ที่ตำแหน่งที่ว่างในแต่ละปี และก็มีสายงานต่างๆ
โฆษก ตร. กล่าวว่า หลังจากการใช้ พ.ร.บ.ตำรวจ 2565 จะแบ่งชัดเจนว่า ข้าราชการตำรวจจะมีสายงานที่ต้องปฎิบัติชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการสอบแข่งขันคัดเลือก โดยระบบต่างๆ ก็จะมีการโปร่งใสมากขึ้น และจะมีมืออาชีพทางด้านสายงานต่างๆ มากขึ้น ตรงจุดนี้เราเพิ่มหลักเกณฑ์ให้มีความเข้มข้นในเรื่องของการรับสมัครบุคลากรที่มาจากข้างนอกให้ตรงกับเรามากที่สุด
"ปัจจุบัน สำนักงานกำลังพล(สกพ.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กำลังเร่งดำเนินการตรงจุดนี้เพื่อให้การสมัครข้าราชการตำรวจตรงเป้าประสงค์กับความต้องการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและพี่น้องประชาชนมากที่สุด"
เมื่อถามว่าตำรวจชั้นผู้น้อยกับโอกาสเลื่อนชั้นยศ หรือโอกาสในหน้าที่การงาน พล.ต.ท.อาชยน กล่าวว่า หลักสูตร กอส.คือ บุคคลภายนอกมาเป็นตำรวจ แต่อีกส่วนเรามีการจัดสอบแข่งขันระดับชั้นประทวน ให้มาเป็นตำรวจสัญญาบัตร และก็มีการฝึกที่เรียกว่า กอน. (หลักสูตรการฝึกอบรมข้าราชการตำรวจชั้นประทวนผู้มีวุฒิปริญญาตรีขึ้นไป) ตรงจุดนี้ก็มีด้วย ส่วนนี้ก็เป็นการเพิ่มขวัญ และกำลังใจกับข้าราชการตำรวจชั้นประทวน
ขณะนี้สำนักงานกำลังพลได้รับนโยบายจาก ผบ.ตร. ให้มีการคัดเลือกข้าราชการตำรวจชั้นประทวนที่ประพฤติดี มีความตั้งใจ มีหลักเกณฑ์คุณวุฒิต่างๆ ครบถ้วน เพื่อให้เลื่อนเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตรในปีหน้า คิดว่าประมาณ 900 นาย ทุกอย่างก็ต้องบาลานซ์ในเรื่องของความต้องการคุณวุฒิ หรือการปฎิบัติหน้าที่ที่จำเป็นจะต้องมีหลากหลาย
เมื่อถามว่าโดยเฉพาะชั้นประทวนที่มีวุฒิปริญญาตรี ปริญญาโท หรือบางคนเป็นด็อกเตอร์ มีโอกาสเลื่อนขั้น หรือว่าจะต้องไปสอบตามขั้นตอน โฆษก ตร. กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับคุณวุฒิตอนสมัครเข้า และในส่วนที่เป็นชั้นประทวนหรือชั้นสัญญาบัตรนั้น ในส่วนที่จะไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมก็เป็นสิ่งที่ดี ให้ทุกคนเป็นโอกาสเป็นสัญญาบัตร แต่ผู้บังคับบัญชาระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีดำริให้ดูแลขวัญกำลังใจ ถึงได้มีการเปิดตำแหน่งให้ตำรวจชั้นประทวนสอบแข่งขัน และสามารถเลื่อนเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตรได้
เมื่อถามถึงกรณีหลักสูตร กอส. ที่มีประชาชนภายนอกสมัครเข้ามาบางคนเป็นเจ้าของเว็บพนัน หรือพัวพันกับธุรกิจสีเทา จะชี้แจงอย่างไร พล.ต.ท.อาชยน กล่าวว่า มี 2 ประเด็น ประเด็นแรกตอนรับเข้ามาก็ตรงตามคุณวุฒิ เมื่อผ่านมาแล้วอาจมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมก็ต้องดำเนินการ ผู้บังคับบัญชาชั้นต้นมีหน้าที่หลักในเรื่องของการดำเนินการ เมื่อพบเห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง มีความผิดวินัย หรือน่าเชื่อว่ากระทำผิดก็ต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ระเบียบ
ประเด็นที่ 2 ถ้าพบว่าตั้งแต่ก่อนเข้ามีประวัติ ไม่มีประวัติอย่างไร และรับเข้ามา ก็คงต้องดูว่ากระบวนการขั้นตอนในการรับมีอะไรผิดพลาดหรือไม่ ต้องนำมาเป็นบทเรียนว่า ในกรณีที่อาจจะรับเข้ามาแล้วมีความประพฤติที่ไม่ดีมาก่อนเข้าก็ต้องมีการปรับปรุงในเรื่องของวิธีการรับให้รัดกุมยิ่งขึ้น
กระแสสังคมระบุว่า กอส. จะเข้ามาได้ต้องเป็นเด็กนาย เด็กเส้น เด็กตระกูลดัง พล.ต.ท.อาชยน กล่าวว่า หลักสูตร กอส. เป็นหลักสูตรที่ดีที่ทำให้บุคคลภายนอกได้เข้ามาจากหลายภาคส่วน จากหลายเหตุผลหลายวิธีการเข้ามาเรียนด้วยกันเพื่อให้ซึมซับวิสัยทัศน์ความเป็นตำรวจ ยุทธวิธีต่างๆ ให้เข้าใจลึกซึ้งบทบาทของตำรวจทุกๆ อย่าง
แต่ในส่วนของแต่ละบุคคลผมคิดว่า จะต้องมองแยกกันเป็นบุคคลเป็นรายๆ ไปที่มีความประพฤติไม่เหมาะสม ที่ผ่านมาบุคคลที่ได้พูดถึงอยู่ก็ได้มีการถูกตรวจสอบได้ดำเนินการทางวินัย บางคนก็ถูกไล่ออกปลดออกไปแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ต้องเพิ่มการระแวดระวังทำให้หลักเกณฑ์นี้สามารถที่จะเข้มแข็งขึ้นจะต้องสกรีนคนที่ต้องการเป็นตำรวจที่เป็นคนดีจริงๆ ที่จะเข้ามาอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ได้มากที่สุด
พล.ต.ท.อาชยน กล่าวต่อว่า จริงๆ ก็ต้องเรียนว่า เมื่อมีข้อสงสัย หรือมีข้อที่คิดว่าอยากจะทราบ เราก็พร้อมจะชี้แจงทุกๆ อย่างในเรื่องของการดำเนินการอะไรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เราพร้อมที่จะชี้แจงในสิ่งที่เป็นประเด็นมีข้อสงสัยหรือมีข้อที่ยังคลางแคลงใจอยู่ในเรื่องของกฎระเบียบ หรืออะไรก็ตามในสิ่งที่เป็นข้าราชการตำรวจ ทุกคนก็ควรจะต้องมีความโปร่งใสเพื่อให้สามารถตรวจสอบได้
กรณีที่ผู้กองคนดัง ได้โพสต์ผ่านโซเชียลเข้าข่ายผิดวินัยหรือไม่ พล.ต.ท.อาชยน กล่าวว่า จริงๆ แล้วคำสั่งไม่ได้ห้ามเล่นโซเชียล แต่ตำรวจเป็นข้าราชการที่ต้องมีจรรยาบรรณเยอะกว่าประชาชนธรรมดา ฉะนั้นจะต้องพิจารณาความเหมาะสมในเรื่องของการใช้โซเชียลจะต้องเป็นไปแบบไหน
ซึ่งต้องยอมรับว่าในยุคนี้การใช้โซเชียลแพร่หลายมาก ผู้บังคับบัญชาชั้นต้นต้องมีการสอดส่องดูแล และตักเตือนถึงความเหมาะสมต่างๆ คอนเทนท์อะไรที่ดูแล้วไม่เหมาะก็ต้องไม่ทำ และไม่ลง ส่วนไหนที่เข้าข่ายผิดวินัยก็ต้องดำเนินการ แต่ในส่วนไหนที่สามารถตักเตือนกันได้ หรือถ้าบ่อยมากไป แต่ไม่ได้ผิดอะไรมากก็ให้ตักเตือนให้โพสต์ให้น้อยลง ต้องยอมรับว่าบางคนอาจจะลงไปเพื่อโปรโมทตัวเอง บางคนก็อยากได้ยอดไลค์ แต่ไม่ใช่ข้าราชการตำรวจที่จำเป็นต้องใช้เครื่องแบบมาดำเนินการ
พล.ต.ท.อาชยน กล่าวต่อว่า ทั้งนี้มีระเบียบปฏิบัติอยู่แล้ว ผู้บังคับบัญชาชั้นต้น จะต้องพิจารณาหากเผยแพร่ไปแล้วใครพบเห็นที่เข้าข่ายกระทำผิดวินัย ไม่ได้พูดถึงข้าราชการคนใดคนหนึ่ง แต่พูดถึงทุกคนที่ได้มีการเล่นโซเชียล และมีการโพสต์ ทุกอย่างขั้นตอนก็ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ถ้าพบว่ามีการผิดวินัยก็ต้องดำเนินการ
อย่างไรก็ตามไม่ได้ปิดกั้นการเล่นโซเชียลมีเดียของตำรวจ แต่ให้พิจารณาใช้ความเหมาะสมให้พอดี และมีจรรยาบรรณในวิชาชีพในเรื่องของการรับราชการ การใส่เครื่องแบบแล้วทำกริยาไม่เหมาะสม
ถามต่อว่าขณะนี้ทางผู้บังคับบัญชายังไม่ได้มีการดำเนินการทางวินัยกับผู้กองรายนี้ ใช่หรือไม่ พล.ต.ท.อาชยน กล่าวว่า ยัง
เมื่อถามต่อไปว่าหน่วยงานอื่นๆ ที่จะเปิดรับสมัคร กอส.ได้ทุกหน่วยงาน หรือไม่ พล.ต.ท.อาชยน กล่าวว่า สำนักงานกำลังพลจะเป็นผู้ตรวจสอบคุณสมบัติของแต่ละหน่วยว่า ในแต่ละปีมีข้าราชการในหน่วยสังกัดใดที่ได้บรรจุและมีเงื่อนไขที่ต้องเข้าอบรม กอส. ก็จะจัดเป็นลำดับไว้และจะมีเรื่องของการเปิดที่นั่งตามงบประมาณในแต่ละปี
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมา หลักสูตร กอส. มีข้อครหา ตร.มีการกำชับหรอมีข้อสั่งการอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ พล.ต.ท.อาชยน กล่าวว่า กอส.ที่ผลิตไปหลายๆ ท่าน ก็เป็นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ ก็ไม่อยากให้เล็งเห็นถึงบางคนที่มีความประพฤติไม่เหมาะสม แต่ก็คงต้องยอมรับว่า อาจมีบางส่วนที่ไปข้องเกี่ยวในเรื่องความประพฤติหรือการกระทำผิดต่างๆ แต่พร้อมที่จะปรับปรุง เรื่องหลักการ หลักเกณฑ์ในเรื่องของการรับสมัครให้ทันสมัยต่อสถานการณ์ และสามารถที่จะเลือกคนที่เราต้องการ และอยู่กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปฎิบัติหน้าที่ได้อย่างมีความตั้งใจให้ได้มากที่สุด
ถามต่อว่า ปีนี้จะต้องมีการชะลอการรับ กอส.หรือไม่ พล.ต.ท.อาชยน กล่าวว่า จริงๆ แล้ว กอส.ไม่มีอะไร ที่เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เป็นหลักเกณฑ์ที่บุคคลภายนอก เมื่อผ่านการบรรจุไปแล้ว เข้าหลักเกณฑ์ในการอบรมก็ต้องมีการอบรม