26 พฤษภาคม 2566 ที่สำนักงานตรวจค้นเข้าเมือง (บช.สตม.) พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. พร้อมเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ร่วมแถลงการจับกุมแก๊งไต้หวัน เปิดบริษัทผลิตยาในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 พร้อมปั่นหุ้นหลอกลวงประชาชน เสียหายกว่า 23,000 ล้านบาท
สืบเนื่องจาก สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้รับการประสานงานจาก สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย ระบุข้อมูล ผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) รายสำคัญ คือ MR.HUANG หรือ นายหวง (นามสมมติ) อายุ 61 ปี สัญชาติจีน (ไต้หวัน) ซึ่งถือหนังสือเดินทางประเทศวานูอาตู เดินทางเข้าประเทศไทย เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 ด้วยวีซ่า THAILAND PRIVILEGE CARD และหลบซ่อนตัวอยู่ในคอนโดหรูแห่งหนึ่ง ย่านประตูน้ำ
โดยผลการสืบสวนพบว่า MR.HUANG ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราวฯ และยังคงหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ย่านประตูน้ำ จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นห้องพบ เงินสดมูลค่า 1 ล้านบาท, โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง, บัตรประชาชนของประเทศสิงคโปร์ พร้อมทั้งบัตรเครดิตจำนวนหลายรายการ
ผู้ต้องหา ให้การยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ได้หลบหนีไปที่ประเทศสิงคโปร์ จากนั้นได้ทำหนังสือเดินทางประเทศวานูอาตู และหลบหนีเข้ามาที่ประเทศไทย ซึ่งหลังการจับกุมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและหัวหน้าแผนกประสานงานอาชญากรรมประจำประเทศไทย กองบัญชาการตำรวจสืบสวนอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติไต้หวัน ได้ร่วมทำการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม และนำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สำหรับพฤติการณ์ของแก๊งดังกล่าวนั้น มีการจัดตั้งบริษัท เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับยาในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 หลังจากมีการเปิดบริษัทแล้วได้นำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ และให้ผู้ร่วมขบวนการทำการเปิดบริษัทที่อยู่ในต่างประเทศ ทำการเข้าซื้อหุ้นของบริษัทดังกล่าวและทำรายงานอันเป็นเท็จ เพื่อเผยแพร่ให้กับประชาชน ในการหลอกลวงให้ประชาชนเข้าซื้อหุ้น
โดยราคาของหุ้นจะถูกปั่นไปจนถึง 500,000 กว่าบาทต่อ 1,000 หุ้น และหลังจากที่มีประชาชนซื้อหุ้นแล้ว ได้โยกเงินไปยังต่างประเทศแล้วทำการปิดบริษัท เบื้องต้นมีผู้เสียหายมากกว่า 10,000 ราย ความเสียหายมากกว่า 23,000 ล้านบาท และจากการสืบสวนขยายผลของผู้ต้องหารายนี้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติไต้หวัน ได้ทำการยึดทรัพย์ของผู้ต้องหาได้เพิ่มอีก 60 ล้านบาท และ มีการออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้อีก 29 ราย โดยจับกุมได้แล้ว 27 ราย