8 พฤษภาคม 2566 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ร่วมกับกองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผบก.ทล. และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติด จำนวน 12 ราย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด “บาก้า” โดยสืบทราบว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติด จากภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าพื้นที่กรุงเทพมานคร ในช่วงวันหยุดยาวระหว่างวันที่ 4-6 พ.ค.66 โดยใช้รถยนต์บรรทุกดัดแปลง ลำเลียงขนยาเสพติด
ต่อมาเจ้าหน้าที่ จึงได้ติดตาม และได้สกัดจับ รถบรรทุกดังกล่าว พร้อมรถในขบวนรวม 3 คัน ที่ พื้นที่อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 12 ราย ได้บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 3.5 ต.ตลิ่งชัน อ.เมือง จ.สระบุรี ประกอบด้วย
เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาก กระทำผิด ดังนี้
พฤติการณ์ ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปคม. ได้ดำเนินการสืบสวนจับกุมขบวนการลักลอบนำเเรงงานต่างด้าวเข้ามาประเทศโดยผิดกฎหมายในพื้นที่เขตรับผิดชอบ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเบาะเเสว่าจะมีการลำเลียงขนยาเสพติดล็อตใหญ่มาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าพื้นที่กรุงเทพฯ โดยอาศัยในช่วงวันหยุดยาวระหว่างวันที่ 4–6 พ.ค.66
จากข้อมูลตำหนิรูปพรรณรถยนต์และกลุ่มผู้ต้องสงสัย ทำให้ทราบว่าขบวนการดังกล่าวจะใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ Honda รุ่น CRV สีขาว เป็นรถนำขบวนเพื่อดูลาดเลาล่วงหน้า ส่วนรถลำเลียงขนส่งยาเสพติดจะใช้รถยนต์บรรทุก 6 ล้อ และจะมีรถกระบะ ยี่ห้อ Chevrolet เป็นรถปิดท้ายขบวน เมื่อทราบข้อมูลเบาะเเสดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแจ้งผู้บังคับบัญชาให้ทราบ และมีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าระวังรถยนต์และกลุ่มผู้ต้องสงสัยดังกล่าว
กระทั่งเมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 4 พ.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้พบรถยนต์ต้องสงสัยตามที่ได้รับเเจ้งทั้ง 3 คัน บนถนนหมายเลข 2 มุ่งหน้าสีคิ้ว จึงได้มีการประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงให้วางกำลังสกัดจับรถทั้ง 3 คัน โดยเมื่อรถทั้ง 3 คัน ขับผ่านจุดสกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เรียกให้หยุดรถ และทำการตรวจสอบรถทั้ง 3 คัน
จากการตรวจสอบพบยาไอซ์จำนวน 650 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ภายในพื้นกระบะรถบรรทุก 6 ล้อ คันสีฟ้า ซึ่งรถคันดังกล่าวมีการดัดแปลงตัวรถเพื่อซุกซ่อนยาเสพติด นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบอาวุธปืน Glock ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 15 นัด อยู่ภายในรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ Honda รุ่น CRV สีขาว ซึ่งนายแต๊ก ผู้ต้องหาที่ 1 ยอมรับว่าอาวุธปืนเเละเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวเป็นของตน
จากการสอบถามผู้ต้องหาบางรายให้การยอมรับว่าเป็นลูกน้องของนายแต๊ก ผู้ต้องหาที่ 1 โดยถูกนายเเต๊ก ซึ่งเป็นหัวหน้าขบวนการชักชวนให้มาขนยาเสพติด เพราะมีรายได้ดี อีกทั้งยังยอมรับว่าเคยขนยาเสพติดในลักษณะดังกล่าวมาแล้ว 2 ครั้ง ได้ค่าจ้างครั้งละ 20,000 บาท ส่วนใหญ่จะทำหน้าที่ขนยาเสพติดขึ้นรถบรรทุก โดยนายแต๊ก จะจ่ายค่าจ้างให้หลังจากเสร็จงาน
นอกจากนี้ผู้ต้องหาบางรายยังให้การเพิ่มเติมอีกว่า ได้มีการชักชวนญาติสนิทมาทำงานดังกล่าวด้วย เพราะหวังรายได้จากส่วนแบ่งในการขนยาเสพติด
จากการสอบถามนายแต๊ก ผู้ต้องหาที่ 1 ให้การว่า เนื่องจากตนเองเคยถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหาพยายามฆ่า และเพิ่่งพ้นโทษจำคุกออกมาเมื่อปี พ.ศ.2552 ซึ่งในระหว่างจำคุกอยู่ในเรือนจำ ตนได้รู้จักกับเครือข่ายค้ายาเสพติด "บาก้า" และภายหลังจากที่ตนออกมาจากเรือนจำ ตนจึงได้ติดต่อไปยังเครือข่าย "บาก้า" เพื่อรับทำหน้าที่เป็นหัวหน้าขบวนการขนส่งยาเสพติด โดยตนได้ชักชวนเยาวชนที่อยู่แถวระเเวกบ้านให้มาช่วยขนยาเสพติด โดยให้ค่าจ้างเป็นจำนวนเงินที่สูง ซึ่งในการขนส่งยาเสพติดในแต่ละครั้ง ตนก็จะได้เงินค่าจ้างขนยาเสพติดจำนวนกว่า 300,000–350,000 บาท
จากการสอบถามคำให้การผู้ต้องหาทั้งหมดเบื้องต้น ผู้ต้องหาที่ 1, 2, 4 และ 6-10 ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ส่วนผู้ต้องหาที่ 3, 5, 11 และ 12 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา