
14 เมษายน 2566 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.) กล่าวว่า ภายหลังจากการเข้าตรวจค้นบ้าน บริษัทและที่ตั้งสมาคม 4 จุดที่เชื่อมโยงกับ น.ส.นวพร ภาเกียรติสกุล ผู้ต้องหา ก่อคดีปลอมเอกสารทำบัตรชมพูให้กับบุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทย และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับจ้างอุ้มบุญของคนจีน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ตนเองได้พูดคุยกับปลัดกระทรวงมหาดไทย เตรียมดำเนินการเพิกถอนสัญชาติไทยของ น.ส.นวพร และลูกชาวจีนทั้งหมด โดยหลังเพิกถอนสัญชาติ น.ส.นวพร จะต้องรับโทษในประเทศไทยก่อน ขณะที่ลูกชาวจีนทั้งหมด ต้องถูกเนรเทศ
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุ ส่วนการได้มาซึ่งสัญชาติไทยของ น.ส.นวพร เป็นการวางแผนมายาวนาน เริ่มจากการแต่งงานกับชายชาวไทย ตั้งแต่ปี 2531-2532 เพื่อให้มีสิทธิยื่นขอสัญชาติไทย จนปี 2534 จึงหย่ากับสามีชาวไทย ก่อนมาได้สัญชาติไทยในปี 2535 จากนั้นจึงเริ่มมีลูกและต่อมาแต่งงานกับชายชาวจีน ทำให้ชัดเจนว่าลูกทั้งหมดไม่ได้เกิดกับสามีคนไทย แต่กลับได้สัญชาติไทย และยังถือครองทรัพย์สิน ที่ดิน รวมมูลค่าหลายพันล้านบาท
ทั้งนี้ นอกจากการอุ้มท้องเอง น.ส.นวพร ยังทำหน้าที่เป็นนายหน้าหาผู้หญิงมาอุ้มบุญให้คนจีน ใช้วิธีการพาไปคลอดที่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีหมอไทยทำคลอดให้ ก่อนก็พามาอยู่ที่ตึกเพื่อพักฟื้นหลังคลอด ซึ่งเมื่อคลอดเสร็จก็รับเงินแล้วแยกย้าย
ส่วนผู้หญิงต่างด้าวในตึก 26 คน ข้อมูลชี้ น.ส.นวพร ยื่นเรื่องรับรองไว้ที่สำนักงานเขตบางรักว่าเป็นญาติตัวเองทั้งหมด ซึ่งจากการสอบสวน เชื่อว่าจำนวนหญิงสาวที่ น.ส.นวพร เป็นนายหน้าพามาอุ้มบุญ มีนอกเหนือจากที่ตรวจพบแน่นอน จากที่บันทึกไว้ในทรัมไดร์ฟ แต่ยังอยู่ในระหว่างไล่ดูข้อมูลว่ามีจำนวนเท่าไหร่
ส่วนเอกสารที่ น.ส.นวพร ปลอมแปลง เป็นเอกสารเกี่ยวกับผู้หญิงที่พามาอุ้มบุญ เช่น ดวงตรารอยประทับแสดงเป็นหลักฐานการเข้าประเทศ รวมถึงการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จว่า หญิงเหล่านี้คือญาติของตัวเอง ซึ่งมีการแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว และแม้ น.ส.นวพร จะยังปฏิเสธ แต่ตำรวจยึดพยานหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจน
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังระบุอีกว่า จากนี้ เตรียมประสานกระทรวงสาธารณสุข เพื่อตรวจสอบรายชื่อหมอที่เคยถูกจับกุม กรณีทำอุ้มบุญผิดกฎหมาย พร้อมยืนยันว่าการสอบสวนจะไล่ไปทั้งหมด รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับขบวนการ