16 มีนาคม 2566 แจ้ง ปปป. เอาผิด "ผู้ว่ากกท." ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช เจ้าของฉายาทนายกระดูกเหล็ก ได้พานายอธิปรัฐ กาญจนสุวรรณ ได้มายื่นหนังสือแจ้งความกล่าวโทษ นายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ ผู้ว่าฯ กกท. กับพวก ในข้อหาความผิด เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และตาม พ.ร.บ.ความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 3, 11 หรือข้อหาอื่นใดที่เกี่ยวข้อง ที่ศูนย์รับแจ้งความสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (16 มี.ค.66)
นายอธิปรัฐ กล่าวว่า วันนี้ได้มาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษใน 3 ประเด็น ดังนี้
1. เรื่องการสรรหาผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ปี 2561 โดยมิชอบ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2561 ได้มีการประกาศ สรรหาผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ตนเองก็เป็นบุคคลหนึ่งที่ได้เข้ารับสมัครเพื่อคัดเลือกเป็นผู้ว่าฯ ปรากฏว่า ตามประกาศดังกล่าวระบุไว้ในข้อ 1.8 ว่า ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งในทางพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง
นายก้องศักด มีประวัติการทำงาน ปี 2558 จนถึงขณะสมัคร สังกัดพรรคการเมืองเก่าแก่พรรคหนึ่ง เป็นคณะทำงานด้านนโยบายการกีฬา จากคุณสมบัติดังกล่าวถือว่า เป็นการขาดคุณสมบัติการเป็นผู้ว่าฯ แต่ปรากฏว่าคณะกรรมการสรรหา ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย กลับคัดเลือกให้นายก้องศักด เป็นผู้ว่าฯ จึงขอให้ดำเนินคดีกับนายก้องศักด ยอดมณี และคณะกรรมการสรรหาผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (ม.157)
2. เรื่องการที่นายก้องศักด ผู้ว่าฯ กกท. ละเมิดมติบอร์ดของคณะกรรมการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เรื่องนี้เกิดขึ้นในปี 2562 มีข่าวนักกีฬาบางสมาคม ไม่ได้รับเบี้ยเลี้ยงนักกีฬา และมีการหักค่าหัวคิวจากการจ่ายเบี้ยเลี้ยงนักกีฬา จากสมาคม ทำให้นักกีฬาไม่ได้รับเงินตามจำนวนที่ต้องได้รับ บางครั้งมีการใส่ชื่อนักกีฬาผี ซึ่งไม่ได้เข้าแข่งขันแต่ได้รับเบี้ยเลี้ยง ซึ่งมีข่าวมาโดยตลอด
ต่อมา คณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ซึ่งนายก้องศักด เป็นทั้งกรรมการ และเลขานุการ ก็ได้มีมติถึง 3 ครั้ง ให้จ่ายเงินแก่นักกีฬาโดยตรง แต่นายก้องศักด กลับละเมิดมติบอร์ดดังกล่าว โดยการโอนเงินให้กับสมาคม ไม่โอนให้กับนักกีฬา
ส่วนเรื่องที่ 3 เรื่องสุดท้ายคือ เรื่องการกีฬาแห่งประเทศไทย ให้สมาคมต่างๆ ยืมเงินอันเป็นการผิดระเบียบกระทรวงการคลัง ซึ่งเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงระหว่างปี 2562 และ 2564 สมาคมต่างๆ ได้กู้ยืมเงินกับการกีฬาแห่งประเทศไทย โดยใช้กระดาษแผ่นเดียว ไม่มีการวางหลักทรัพย์เป็นการค้ำประกัน ซึ่งเป็นการผิดระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง พ.ศ.2562 ข้อ 58
นอกจากนี้ เงินเก่ายังไม่ใช้ แต่กลับให้กู้ใหม่ อันเป็นการผิดระเบียบกระทรวงการคลัง ข้อ 59 จึงมาร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับนายก้องศักด ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 3, มาตรา 11
ด้านทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า สำหรับคดีนี้ก็เป็นเคสต่อเนื่องกันจากกรณีที่ ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงเมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งทางคุณอธิปรัฐ ได้นำเอกสารมาร้องเรียนกับตนเอง หลังการแถลงข่าวในวันนั้น พร้อมทั้งประกาศว่าจะเป็นผู้ร้องทุกข์แทน ดร.สุปราณี เนื่องจากคุณอธิปรัฐ ก็เป็นผู้เสียหายโดยตรงจากการที่คณะกรรมการสรรหา ผู้ว่าฯ กกท. ได้มีการฮั้วกับนายก้องศักด และเลือกนายก้องศักด ขึ้นมานั่งเก้าอี้ผู้ว่าฯ กกท. ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่านายก้องศักด ขาดคุณสมบัติ
ทั้งนี้ ทนายอนันต์ชัย ระบุว่า การที่ตนเองเข้ามาดำเนินการในคดี เนื่องจากเป็นคดีต่อเนื่องกัน อีกทั้งผู้ก่อเหตุก็คนเดียวกัน ส่วนหลักฐานที่นำมา
ยื่นในวันนี้ก็เป็นเอกสารต่างๆ รวมถึงเอกสารการที่ กกท. ให้สมาคมต่างๆ กู้ยืมเงินโดยขัดต่อระเบียบกระทรวงการคลัง และขัดต่อความถูกต้อง จึงต้องการให้ทางตำรวจ ปปป.เข้ามาตรวจสอบในเรื่องนี้ เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดทั้งขบวนการ