23 กุมภาพันธ์ 2566 เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง บูรณาการร่วมกับชุดเฉพาะกิจ กรมการจัดหางาน ลงพื้นที่ตรวจสอบ อาคาร ย่านเสือป่า ถนนเจริญกรุง แขวงป้อมปราบศัตรูพ่ายเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ หลังจากได้รับการร้องเรียนว่ามีคนต่างด้าว ลักลอบทำงานโดยผิดกฎหมาย
โดยพบว่าเจ้าของกิจการส่วนใหญ่ ได้มีการว่าจ้างแรงงานทั้งคนไทย และคนต่างด้าวทำงานหน้าร้านขายอุปกรณ์สินค้าอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับโทรศัพท์ ทั้งแบบขายปลีก และขายส่ง รวมทั้งมีโกดังเก็บสินค้าจำนวนมาก ซึ่งมีพนักงานประจำ แต่ละร้าน จำนวน 7-10 คน
ซึ่งผลจากการตรวจสอบสามารถจับกุม เจ้าของร้านชาวไทย 2 ราย ในฐานความผิดเป็นบุคคลรับรับคนต่างด้าวทำงานโดยที่คนต่างด้าวไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือให้คนต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิที่จะทำได้ เป็นความผิดตาม มาตรา 9 พ.ร.ก. การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560
และสามารถจับกุม หญิงต่างด้าว สัญชาติจีน 1 ราย หญิงต่างด้าว สัญชาติเมียนมา 1 ราย หญิงต่างด้าว สัญชาติลาว 1 ราย ในฐานความผิดเป็นต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน ซึ่งเป็นความผิด ตาม มาตรา 8 พ.ร.ก. การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560
ด้าน นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง เปิดเผยว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ ได้ตรวจสอบและจับกุมบุคคลต่างด้าว ที่มาแย่งงานคนไทยทำงาน ซึ่งเป็นผู้มาค้าขายในร้าน ย่านเสือป่า
สืบเนื่องจากมีการร้องเรียน ผ่านทางกระทรวงมหาดไทย และกรมการปกครองโดยตรง จึงส่งชุดสืบสวน จนพบว่าแหล่งค้าขายสินค้า ในอาคารดังกล่าว เป็นย่านการค้าของคนจีน โดยผู้ประกอบการ เจ้าของ ส่วนมากเป็นคนจีน และมักจ้างงานคนไทย หรือกลุ่มคนชาติพันธ์ มาทำงาน
ซึ่งเมื่อกรมการปกครองได้ทำการเข้าสืบสวนข้อเท็จจริง พบคนจีนประกอบธุรกิจ และทำงานในลักษณะเป็นเจ้าของ เป็นนายจ้าง โดยไม่พบใบอนุญาตประกอบธุรกิจหรือใบอนุญาตทำงานแต่อย่างใด หลังจากนี้จะต้องทำการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ขณะเดียวกันบางราย สามารถตรวจสอบพบว่าเงินเหล่านั้น ได้ส่งต่อไปยังคนจีน
นอกจากนี้ทาง ชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง ตอนนี้ได้ทำการสืบสวนประเด็น คนจีนที่แปลงสัญชาติ เป็นคนไทยแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ พบว่าเป็น กลุ่มขบวนการ ที่ให้ข้อมูลเท็จกับทางเจ้าหน้าที่ ซึ่งหลังจากนี้จะต้องทำการตรวจสอบในทางลึก โดยประสานงานกับทางสํานักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง และจะมีการปฏิบัติการจับกุมอีกครั้งหนึ่งในเร็วๆ นี้