ผบ.ตร. ระบุ เอาผิด 116 ตม. เอื้อวีซ่าจีนเทา ตามพยานหลักฐาน-ข้อเท็จจริง
ผบ.ตร. ยันเอาผิด ตม. เอื้อวีซ่าจีนเทา ต้องยึดตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง ปัดออกความเห็นตำรวจกว่า 100 ทุจริต ยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย หลังสอบสวนเสร็จ เตรียมส่งสำนวนให้ ป.ป.ท.-ป.ป.ช. พิจารณา
23 กุมภาพันธ์ 2566 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เปิดเผยกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ รองผู้บังคับการศูนย์ฝึกอบรม กองบัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบก.ศฝร.บช.น.) ร้องทุกข์ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง 116 ราย ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เวฬุวัน จ.ขอนแก่น ในความผิดเกี่ยวกับการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และการเรียกรับผลประโยชน์ ว่า
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ดำเนินการขยายผล และเมื่อพบการกระทำผิดก็มีการแจ้งความดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนจะมีมากถึง 116 นาย หรือไม่ก็ต้องไปตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ซึ่งคดีเหล่านี้เป็นความผิดของข้าราชการตำรวจ ผู้ที่เกี่ยวข้องก็จะต้องถูกดำเนินคดีไปตามขั้นตอนและต้องส่งสำนวนให้กับ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. และ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ซึ่งก็จะต้องมีการพิสูจน์ความจริงของทั้งสองฝ่ายต่อไป
ผบ.ตร. กล่าวว่า กรณีที่สังคมมองว่าตำรวจกว่า 100 นาย กระทำการทุจริตเป็นจำนวนมากนั้น ตรงนี้ไม่ขอแสดงความคิดเห็นต้องดูข้อเท็จจริง จะมีมากน้อยแค่ไหนก็ดูที่พยานหลักฐาน ส่วนผู้บังคับบัญชาจะต้องรับผิดชอบหรือไม่เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเก่านั้น ก็จะต้องตรวจสอบว่า ผู้บังคับบัญชาในห้วงเวลาดังกล่าวใครเป็นผู้รับผิดชอบ
ส่วนการตรวจสอบข้อเท็จจริงของจเรตำรวจแห่งชาติที่ตนเองได้มอบหมายไปก่อนหน้านี้ ก็ยังคงดำเนินการต่อ ซึ่งเป็นคนละส่วนที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มอบหมายให้ พล.ต.ต.นำเกียรติ ไปแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับ 116 นาย ถือว่าเป็นคนละส่วน ซึ่งทั้งสองหน่วยก็ดำเนินการตรวจสอบควบคู่กันไป