ผู้ต้องหาคดียิงรถในพูลวิลล่า ร้องนายกฯ ปฏิเสธให้สินบนรอง ผบก.ชลบุรี
ผู้ต้องหาคดียิงรถในพูลวิลล่า ร้องนายกฯ ปฏิเสธให้สินบน รอง ผบก.ชลบุรี แฉถูกคนมีสีข่มขู่ให้พาดพิงรองผู้การฯ ชลบุรี
15 พฤศจิกายน 2565 ความคืบหน้ากรณี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งย้าย พลตำรวจตรี กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี จากปมเปลี่ยนตัวผู้ต้องหา คดียิงรถในพูลวิลล่า หลังชุดสืบสวนขยายผลพบหลักฐาน มีตำรวจยศ "พ.ต.อ." ตำแหน่งรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลุบรี มีส่วนเกี่ยวข้องในการช่วยเหลือเปลี่ยนตัวผู้ก่อเหตุ มีการเรียกรับสินบนถึง 1 ล้านบาท
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
๐ ด่วน สั่งเด้งผู้การฯ ชลบุรี เซ่นปมเปลี่ยนตัวผู้ต้องหา คดียิงรถในพูลวิลล่า
๐ "บิ๊กโจ๊ก" เช็กบิล "ผู้การฯ ชลบุรี" เอี่ยวเปลี่ยนตัวผู้ต้องหาคดียิงถล่มอริ
๐ "บิ๊กโจ๊ก" สั่งเชือด! รองผู้การฯ เปลี่ยนตัวผู้ต้องหา คดียิงรถในพูลวิลล่า
ล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ สำนักงานปลัดนายกรัฐมนตรี นายอรรถวุฒิ ธินามธรรม เจ้าของศูนยพระเครื่องหลวงปู่ไปล่ บางแค และ นายบุญฤทธิ์ (ฉุย) จิตรมา เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เพื่อชี้แจงและยืนยันความบริสุทธ์ให้แก่ พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี โดยมี นายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับหนังสือพิจารณาสั่งการต่อไป
นายอรรถวุฒิ เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชน เกี่ยวกับการจับกุมกลุ่มวัยรุ่นบุกบ้านพักพูลวิลล่า พัทยา แล้วมีการทำร้ายนักท่องเที่ยวที่มาพักที่แอดไซด์ พูลวิลล่า ถ.จอมเทียน สาย 2 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 18 ต.ค. ที่ผ่านมานั้น โดยในข่าวระบุว่า สาเหตุของเหตุการณ์ดังกล่าว มาจากการขัดแย้งในเรื่องผลประโยชน์จากเว็บพนัน และมีการอ้างว่า ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของพนักงานสอบสวน พบขบวนการวางแผนหลอกชุดจับกุม โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐในการสลับตัวผู้อื่นมามอบตัวแทนผู้ต้องหาตัวจริง
โดยพนักงานสืบสวนชุดจับกุมได้กล่าวหาว่า ตน และ นายบุญฤทธิ์ (ฉุย) จิตรมา มามอบตัวแทนผู้กระทำความผิดตัวจริง และได้ดำเนินคดีกับตนและพวก ในฐานความผิด "แจ้งความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดทางคดีอาญาแก่พนักงานสอบสวน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนได้รับความเสียหาย และช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดอันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ต้องรับโทษ โดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด ๆ เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม"
ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ยื่นฟ้องตนต่อศาลจังหวัดชลบุรี โดยมีคำพิพากษาให้จำคุก 1 ปี ตนได้ให้การรับสารภาพ ศาลสั่งจำคุก 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา และพนักงานสอบสวนได้พาดพิงกล่าวหาว่า ตนได้ร่วมมือโดยให้สินบนต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง คือ พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ รองผู้บังคับการจังหวัดชลบุรี ร่วมกันวางแผนกับตน โดยเรียกรับเงินจำนวน 1,000,000 บาท (หนึ่งล้านบาทถ้วน) และมีการดำเนินคดีกับ พ.ต.อ.กรวัฒน์ ในฐานความผิด เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต"
ความเป็นจริงแล้วนั้น ตนขอยืนยันด้วยความสัตย์จริงว่า ตนไม่เคยให้เงินจำนวน 1,000,000 บาท หรือ ทรัพย์สินใด และไม่เคยรู้จักกับ พ.ต.อ.กรวัฒน์ เป็นการส่วนตัวแต่อย่างใด นอกจากนี้ตนและครอบครัว ยังถูกข่มขู่คุกคาม ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลมืด จากข้าราชการตำรวจที่รับผิดชอบในคดีดังกล่าว โดยมีการข่มขู่ภรรยาตน และอุ้มน้องชายของตน ไปเพื่อต่อรองบีบบังคับให้ยอมรับและพาดพิง พ.ต.อ.กรวัฒน์ ตามความต้องการของผู้ไม่หวังดี
ตนยินดีที่จะเป็นพยานเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่า พ.ต.อ.กรวัฒน์ หาญประดิษฐ์ เป็นข้าราชการที่ดี ไม่มีพฤติกรรมเสื่อมเสีย ตามที่ถูกกล่าวหา และตนพร้อมทั้งครอบครัว จะขอเข้าสู่กระบวนคุ้มครองพยานในคดีอาญา ของกระทรวงยุติธรรมต่อไป
