10 พฤศจิกายน 2565 เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวตสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ พร้อมด้วย น.ส.เอ๋ (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี สาวหล่อ ผู้เสียหาย เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ รองผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์( รอง ผบก.ปคม.) เพื่อร้องขอความเป็นธรรม หลังถูกคู่สามีภรรยา เจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ชื่อดัง ซึ่งเป็นนายจ้างบังคับข่มขืนในลักษณะร่วมเพศพร้อมกัน 3 คน
นายไพศาล เผยเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ผู้เสียหายทำงานที่บริษัทโลจิสติกส์แห่งหนึ่ง และได้ไปรู้จักกับภรรยาเจ้าของบริษัท มีการพูดคุยกันจนเกิดความสนิทสนม ทุกครั้งที่ผู้เสียหายมีปัญหาทางการเงิน ภรรยาของเจ้าของบริษัทก็จะโอนเงินช่วยเหลือตลอด รวมเป็นเงินกว่า 500,000 บาท
ต่อมา เจ้าของบริษัททราบเรื่องจึงเกิดความไม่พอใจและกล่าวหาว่า ผู้เสียหายเป็นชู้ จึงเรียกมาพูดคุยพร้อมบังคับจับทำสัญญาบันทึกข้อตกลงให้ผู้เสียหายยอมร่วมหลับนอนอยู่กินกันแบบสามีภรรยา 3 คน แลกกับการชดใช้หนี้ หากไม่ทำตามจะถูกฟ้องร้องเรียกเงิน 10 ล้านบาท
นายไพศาล กล่าวอีกว่า การทำสัญญาลักษณะดังกล่าวถือเป็นสัญญาทาสที่ไม่เป็นธรรม แต่ด้วยความหวาดกลัว ผู้เสียหายจึงต้องจำยอมและถูกนายจ้างเรียกไปบำเรอความใคร่หลายครั้ง กระทั่งทนไม่ไหวต้องหลบหนีออกมา แต่ก็จะถูกตามตัวกลับไปทุกครั้งพร้อมกับการข่มขู่ว่า ในฐานะที่ร่ำรวย จึงรู้จักคนเยอะ ทนายเก่งๆ ผู้เสียหายรายนี้ไม่สามารถที่จะหนีไปไหนได้ จึงตัดสินใจเข้ามาปรึกษาขอความช่วยเหลือกับตน และได้นำสัญญาบันทึกข้อตกลงดังกล่าวมาให้ดูเพื่อเป็นหลักฐาน
จากการตรวจสอบสัญญาฯ ยืนยันว่าไม่มีผลทางกฎหมาย เพราะเป็นสัญญาที่ผิดต่อศีลธรรมอันดี และขัดต่อกฎหมายที่บังคับให้มีการอยู่กินฉันผัวเมียกันแบบ 3 คน และสัญญาข้อตกลงนี้ จะเป็นหลักฐานที่ใช้มัดตัว 2 สามีภรรยา
เบื้องต้นจะดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ทั้งหมด ในความผิดฐาน ร่วมกันกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น และข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการใดหรือไม่กระทำการใดจำยอมต่อสิ่งใด
“พูดกันตามตรง การบังคับให้เป็น 3 คนผัวเมีย ทำไม่ได้ ถึงแม้ผู้เสียหายจะเป็นผู้หญิงแต่ใจเขาเป็นผู้ชาย แล้วไปทำกับเขาแบบนี้ไม่ถูกต้อง วันนี้จึงต้องพาผู้เสียหายมายื่นเรื่องถึงผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้ตรวจสอบเพราะผู้ถูกกล่าวหาอ้างตัวว่ายิ่งใหญ่ มีเงินเป็นร้อยล้าน มีทนายเก่ง รู้จักคนเยอะ จึงอยากให้ตำรวจดำเนินคดีถึงที่สุด” นายไพศาล กล่าว
ด้าน น.ส.เอ๋ ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา พยายามขัดขืนและทำด้วยความไม่เต็มใจ ซึ่งพยายามหนีหลายครั้ง แต่ก็ถูกตามตัวกลับมา เอาสัญญามาข่มขู่ โดนกระทำซ้ำๆ เหมือนตกนรกทั้งเป็นจนเคยคิดสั้นอยู่หลายครั้ง
เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้ ก่อนส่งต่อให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป