svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

คุก “ อัจฉริยะ” 1 ปี ปรับ 1 แสนบาท หมิ่นประมาทคดี "ลัลลาเบล"

10 ตุลาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำคุก “อัจฉริยะ” 1 ปี ปรับ 1 เเสน คดีหมิ่นประมาทกล่าวหา “พริตตี้เดียร์” ให้การเท็จ "คดีลัลลาเบล" โทษจำคุกให้รอลงอาญา2ปี

วันนี้ (10 ต.ค.65)  ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษกศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาคดีดำเลขที่ อ.3108/63 ที่น.ส.วิริยาภรณ์ งามผล หรือพริตตี้เดียร์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เป็นจำเลยในคดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ,พรบ.คอมฯ

 

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 9 ก.ย.63 จำเลย ได้หมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ ต่อบุคคลที่สามและ ประชาชนทั่วไปโดยการโฆษณา ด้วยการถ่ายทอดสดแพร่ภาพแพร่เสียงเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ทาง อินเตอร์เน็ตที่กลุ่มสนทนาของเว็บไซต์ชื่อ www.facebook.com (เฟซบุ๊ค) โดยจำเลยถ่ายทอดสด ภาพและเสียงบน facebook live บัญชีผู้ใช้ (Account) ชื่อ “ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม“เมืองไทยรายวัน 9ก.ย.63ซึ่งประชาชน ทั่วไปและกลุ่มเพื่อนหรือสมาชิกและผู้ติดตามของจำเลยสามารถเข้าถึงได้โดยการกระจายภาพและ เสียงของจำเลย โดยจำเลยพูด ว่า “พริตตี้เดียร์เนี่ยนะครับ ไปเบิกความที่ศาลคดีลัลลาเบลทำให้คดีลัลลาเบลเสียหาย”

 

 

คุก “ อัจฉริยะ” 1 ปี ปรับ 1 แสนบาท หมิ่นประมาทคดี \"ลัลลาเบล\"

 

จำเลยพูดอีกว่า “พริตตี้เดียร์ไปเบิกความ ที่ศาลธนบุรีคดีลัลลาเบลแล้วไปให้ การแบบไหนนะครับ ไปให้การเท็จแบบไหน ไปให้การกลับ คำให้การแบบไหน แล้วทำไมถึงถอนฟ้องนะครับบ้านบางบัวทองทุกคนก่อนที่จะไปขึ้นศาลคดีลัลล่า เบลและไปเบิกความคดีลัลลาเบลกลับคำให้การแบบไหน จนทำให้ลัลลาเบลเสียหายแค่ไหน”

 

ซึ่งใน การถ่ายทอดสดของจำเลยด้วยการพูดถ้อยคำดังกล่าวทำให้บุคคลที่สามและประชาชนทั่วไปที่ได้เห็น และรับฟังถ้อยคำพูดผ่านการถ่ายทอดสดของจำเลยเข้าใจว่า จำเลยกำลังพูดถึงโจทก์เพราะมีการพูด ถึงชื่อโจทก์อย่างชัดเจน จึงทำให้ประชาชนทั่วไปที่ติดตามข่าวสารเข้าใจได้ว่าหมายถึงโจทก์ ดังนั้น บุคคลที่สามและประชาชนทั่วไปที่ได้ฟังจะเข้าใจว่าโจทก์เบิกความเท็จต่อศาลอันเป็นข้อสำคัญใน คดีลัลล่าเบลทำให้คดีเสียหายอันเป็นความผิดต่อกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง การถ่ายทอดสด ด้วยถ้อยคำดังกล่าวข้างต้นของจำเลยนั้นเป็นการใส่ความโจทก์ ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น และถูกเกลียดชัง เหตุเกิดทุกตำบล ทุกอำเภอ ทุกจังหวัด ทั่วราชอาณาจักร ขอให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328

 

ศาลไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง จำเลยให้การปฏิเสธ

 

คุก “ อัจฉริยะ” 1 ปี ปรับ 1 แสนบาท หมิ่นประมาทคดี \"ลัลลาเบล\"

พิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์ จำเลยแล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังยุติว่า โจทก์ เป็นพยานในคดีของน.ส.ธิติมา นรพันธ์พิพัฒน์ หรือลัลลาเบล ซึ่งคดีการเสียชีวิตของน.ส.ธิติมาเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชนและ สื่อมวลชน โดยประชาชนเรียกว่าคดีลัลลาเบลหรือคดีบ้านบางบัวทอง และรู้จักโจทก์ในชื่อ พริตตี้ เดียร์ จำเลยเป็นประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม มีแฟนเพจเฟซบุ๊ค จำเลยถ่ายทอดสดภาพและเสียง โดยจำเลยเป็นผู้กล่าวข้อความตามที่โจทก์นำมาฟ้อง นางศุภมาศ นรพันธ์พิพัฒน์ มารดาของ น.ส.ธิติมา เป็นผู้มอบอำนาจให้จำเลยดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ การเสียชีวิตของนางสาวธิติมา

 

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำความผิดตามฐานหมิ่น ประมาทโดยการโฆษณาหรือไม่ โจทก์เบิกความว่า จำเลยถ่ายทอดสดภาพและ เสียงบน facebook live ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ ซึ่งในการถ่ายทอดสดของจำเลยด้วย การพูดถ้อยคำดังกล่าวทำให้บุคคลที่สามและประชาชนทั่วไปที่ได้เห็นและรับฟังเข้าใจว่าจำเลยกำลังพูดถึงโจทก์เพราะมีการพูดถึงชื่อโจทก์อย่างชัดเจน ประชาชนทั่วไปที่ได้ฟังจะเข้าใจว่าโจทก์เบิกความเท็จต่อศาลอันเป็นข้อสำคัญในคดีลัลล่าเบลทำให้คดีเสียหายอันเป็น ความผิดต่อกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง การถ่ายทอดสดด้วยถ้อยคำดังกล่าวข้างต้นของจำเลยนั้นเป็นการใส่ความโจทก์ ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น และถูกเกลียดชัง จำเลยไม่ใช่เจ้าพนักงาน หรือผู้มีส่วนได้เสียในคดีลัลลาเบลบ้านบางบัวทอง จำเลยจึงไม่มีสิทธิแถลงข่าวหรือให้สัมภาษณ์ หรือ ถ่ายทอดสดถึงพยานหลักฐานในคดี จำเลยอ้างตนเองเป็นพยานเบิกความว่า จำเลยเป็นผู้ได้รับมอบ อำนาจจากมารดาของน.ส.ธิติมา ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินคดีเกี่ยวกับผู้กระทำความผิด ขณะที่ถ่ายทอดภาพและเสียงไม่ได้ระบุชื่อนามสกุลจริงของโจทก์ และกระทำ ไปในฐานะผู้ได้รับมอบอำนาจ จำเลยเพียงชี้แจงข้อเท็จจริงให้ประชาชน ทราบ เนื่องจากคดีนางสาวธิติมาเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจและชี้แจงในส่วนที่จำเลยถูกพาดพิง

 

คุก “ อัจฉริยะ” 1 ปี ปรับ 1 แสนบาท หมิ่นประมาทคดี \"ลัลลาเบล\"

 

เห็นว่า จำเลยกล่าวถึงบุคคลคือพริตตี้เดียร์ในคดีลัลลาเบล ย่อมทำให้ประชาชนทั่วไปที่ติดตามคดีของ น.ส.ธิติมาหรือลัลลาเบล ทราบว่าจำเลยกล่าวถึงบุคคลใด เป็นการกล่าว ยืนยันข้อเท็จจริงว่าโจทก์ไปเบิกความที่ศาลธนบุรีด้วยการให้การเท็จและกลับคำให้การ เมื่อผู้ที่ได้ฟัง แล้วย่อมเข้าใจว่าโจทก์ให้การต่อศาลอันเป็นเท็จและมีการกลับคำให้การในคดีของนางสาวธิติมา ทำ ให้โจทก์ได้รับผลกระทบทำให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง แม้ว่าคดีที่โจทก์เบิกความเป็นพยานนั้น มารดาของน.ส.ธิติมาเป็นผู้มอบอำนาจให้จำเลย ดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องการรับมอบอำนาจของจำเลยก็เป็น การรับมอบอำนาจเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเท่านั้น ไม่ได้รับมอบอำนาจให้ทำการหมิ่น ประมาทบุคคลอื่น

   

อีกทั้งหากโจทก์ได้ให้การในชั้นศาลโดยการกลับคำให้การ หรือให้การเท็จ มารดา ของน.ส.ธิติมาในฐานะผู้เสียหาย ย่อมสามารถใช้สิทธิทางกฎหมายที่จะไปฟ้องร้องคดีต่อศาล เพื่อให้ดำเนินคดีกับโจทก์ต่อไป การกระทำของจำเลยจึงไม่เข้าข้อยกเว้นอันจะไม่เป็นความผิดฐาน หมิ่นประมาท พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ลงโทษจำคุก 1 ปี และปรับ 1 เเสนบาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เห็นสมควรให้โอกาสจำเลย กลับตนเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี

 

 

 

logoline