วันที่ 9 กันยายน 2565 พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการ ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปน.ตร.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(ผบช.ก.) พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ผบก.ปอศ.) สั่งการให้พ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผกก.5 บก.ปอศ นำกำลังปิดล้อมตรวจค้น 3 จุดในจังหวัดขอนแก่น ประกอบไปด้วย
บ้านเลขที่ 14 หมู่ 9 ต.สีชมพู อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น, ห้างทองเหมยเลขที่ 399,399/1 หมู่ 10 ต.วังเพิ่ม อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น และบจก.สมคิดลิสซิ่ง เลขที่414/7 หมู่ 20 ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น ก่อนจับกุมผู้ต้องหาแก๊งเงินกู้ดอกโหด น.ส.ณัฏฐนิช หรือ เจ๊เหมย และนายฤกษ์ชัย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่1817-1818/2565 ลงวันที่ 31 ส.ค.
การจับกุมครั้งนี้ได้เบาะแสจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากนายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบ โดยได้รับการร้องเรียนว่าในพื้นที่จ.ขอนแก่น มีนายทุนเงินกู้ขื่อเจ๊เหมย ปล่อยเงินกู้เกินกว่าที่กำหนดร้อยละ 912.5 เปอร์เซ็นต์ ต่อปี ซึ่งผู้เสียหายไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยให้ได้ และมีพฤติกรรมส่งคนมาข่มขู่ หากผิดนัดชำระหนี้จะทำร้ายร่ายกายถึงบ้าน และ ถ่ายคลิปประจาน ทำให้ผู้เสียหายอับอายอย่างมาก
หลังรับเรื่องได้ทำการสืบสวนทราบว่าเจ๊เหมยคือ น.ส.ณัฏฐนิช และ นายฤกษ์ชัย ซึ่งเป็นสามีของ “เจ๊เหมย” มีพฤติการณ์ร่วมกันปล่อยเงินกู้นอกระบบในพื้นที่ จ.ขอนแก่น และเปิดเพจเฟสบุ๊คชื่อว่า“แชร์บ้านเหมย” ซึ่งมีการลงคลิปชักชวนให้มากู้เงิน โดยนอกจากการปล่อยเงินกู้ตามปกติแล้ว ยังมีการปล่อยเงินกู้ในลักษณะอำพราง ไม่ว่าจะเป็นการผ่อนทอง หรือ ผ่อนสินค้าแบรนด์เนมยี่ห้อต่างๆ
นอกจากนี้ พบว่ามีการลงคลิปประจานลูกหนี้ที่ค้างชำระโดยมีการลงคลิปทำร้ายร่างกายลูกหนี้จำนวนหลายคลิป ในเพจเฟซบุ๊กเพื่อเป็นการประจานและข่มขู่ลูกหนี้รายอื่นไม่ให้เอาเยี่ยงอย่าง โดยนอกจาก“เจ๊เหมย” แล้ว ยังมีผู้ร่วมขบวนการอีกหลายราย จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับก่อนจับกุมได้
ตำรวจได้ตรวจยึดของกลาง อาทิโทรศัพท์ จำนวน 12 เครื่อง, คอมพิวเตอร์ จำนวน 2 เครื่อง, ไอแพดจำนวน 1 เครื่อง,สมุดบัญชี จำนวน 9 เล่ม,เอกสารเกี่ยวกับเงินกู้ จำนวน 40 ฉบับ,รถยนต์หรู จำนวน 2 คัน,เงินสด จำนวน 100,000 บาท,ทองรูปพรรณ 200 บาท สัญญากู้ยืมเงิน จำนวน 1 ฉบับ,นามบัตรและใบปลิว จำนวน 401 แผ่น,สมุดบัญชีรายชื่อลูกหนี้ จำนวน 6 ฉบับและเอกสารอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
พ.ต.อ.ภาดล กล่าวว่า ขบวนการนี่จะใช้สื่อโซเชียลมีเดียช่องทางต่างๆ เช่น เฟซบุ๊ค , ไลน์ ชักชวนผู้มีปัญหาทางการเงินให้ติดต่อกู้ยืมเงิน ทำให้มีผู้มากู้ยืมเงินเป็นจำนวนมาก
สำหรับวิธีการเก็บเงินต้นและดอกเบี้ยจะใช้วิธีการเรียกเก็บดอกเบี้ยรายวัน โดยมีการทำสัญญากู้ยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยประมาณ ร้อยละ 2.5 ต่อวัน หรือ 912.5 ต่อปี ซึ่งเป็นการเอารัดเอาเปรียบสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน
เบื้องต้น สอบสวนให้การรับสารภาพ จึงแจ้งข้อกล่าวหา “ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต และ เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด” นำส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป