ความคืบหน้ากรณี น.ส.สุนันทา โพธิ์ทองคำ อายุ 24 ปี ได้พาน้องสาว นักศึกษา ปวส.ชั้นปี 1 เข้าแจ้งความตำรวจ สภ.บางบัวทอง กรณีถูกช่างซ่อมบำรุงคอนโด ย่านอำเภอบางบัวทอง ทราบชื่อภายหลังคือ นายฐิติวัฒน์ ตรีพันธ์ หรือเฟียส อายุประมาณ 30-35 ปี บุกรุกเข้าไปในห้องกลางดึก และพยายามข่มขืน เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งวันนี้ (31 ส.ค.) "นายเฟียส" พร้อมภรรยาได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง เพื่อรับแจ้งข้อหาข่มขืน พร้อมยันไม่ได้ฉุดและเปิดใจอ้างว่า ที่ผ่านมาเคยเป็นกิ๊กทั้งพี่ - กั๊กทั้งน้อง ผู้เสียหาย (อ่านข่าว)
ล่าสุดเมื่อเวลา 14.30 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังคอนโดที่เกิดเหตุ พบ น.ส.สุนันทา พี่สาว และ น.ส.หญิง ที่ยืนยันว่าที่ นายเฟียส พูดออกสื่อไม่เป็นความจริง ทำให้ตนเองได้รับความเสียหาย โดยมีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดและแชทของฝ่ายบริหารคอนโดที่ นายเฟียส ใช้ทักมายอมรับผิด และขอโทษกับ น.ส.สุนันทา และ น.ส.หญิง เมื่อเวลา 21.32 น. หลังเกิดเหตุ ก่อนจะอ้างว่า ทำเรื่องขอย้ายออกจากงาน
น.ส.หญิง กล่าวว่า ข่าวที่นายเฟียส ออกมาให้สัมภาษณ์ ขอยืนยันว่าไม่เคยคิดจะคบกับนายเฟียส และตนไม่เคยเป็นแฟนกับเขา ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเขามานานกว่า 6 เดือน จู่ ๆ มาทำแบบนี้มันไม่ถูกต้อง
น.ส.หญิง เล่าว่า ช่วงที่ ตน มาอยู่ที่นี่แรก ๆ นายเฟียส มาจีบ โดยที่ไม่รู้ว่าเขามีครอบครัวก็เลยคุยด้วย แต่ต่อมาแฟนเขาทักมาหา ตนจึงเลิกยุ่งตั้งแต่วันนั้น หลังจากข่าวออกไปก็รู้สึกแย่ มีคอมเม้นท์โจมตีตนเอง จากนี้ให้เป็นเรื่องของกฎหมายต่อไป ซึ่งทางตำรวจจะนัดสอบปากคำอีกครั้งในอาทิตย์นี้ ตอนนี้ทั้งความรู้สึกและจิตใจย่ำแย่มาก เครียดจนไม่อยากออกไปพบเจอใคร
ด้าน น.ส.สุนันทา กล่าวว่า สิ่งที่นายเฟียส พูดไม่เป็นความจริง ตน ไม่เคยมีสัมพันธ์กับนายเฟียส และการที่ นายเฟียส เข้ามาทำแบบนี้กับน้องสาวทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน เข้ามาในห้อง ด้วยความสนิทกันเลยดูว่า ไม่ขัดขืน ตอนนั้น น้องสาวเล่นมือถือ เพราะกำลังพิมพ์บอกเพื่อนว่า ผู้ชายขึ้นมาด้วย ทำยังไงดี และร้องขอให้ช่วย ถ้าน้องสาวไม่ได้ร้องขอให้ช่วยคงไม่มีลูกบ้านคนอื่นเปิดประตูให้เพื่อนเข้ามาช่วย
ผู้ชายคู่กรณีจริง ๆ เป็นคนอัธยาศัยดี พูดจาดี มีน้ำใจ ทำงานดี ไม่คิดว่า จะเป็นแบบนี้ รู้จักกันเป็นเพื่อน เป็นพี่ ตั้งแต่มาอยู่ก็สนิทกันถึงขั้นมึงกูได้ แต่ไม่ได้มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับตนเอง ส่วนตัวเคยให้ขึ้นมาซ่อมฝักบัวในห้องครั้งนึง
น.ส.สุนันทา กล่าวต่อไปว่า คนที่เครียดคือ น้องสาวและอยากเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ซึ่งตอนแรกคิดว่า จะไกล่เกลี่ย เพราะหัวหน้าเขาบอกสงสารครอบครัวเขา แต่พอออกมาให้ข่าวเลยไม่ไกล่เกลี่ยแล้ว และไม่ยอม ซึ่ง ตน ยืนยัน และให้ข้อมูล กับตำรวจพร้อมกล้องวงจรปิดว่าจุดไหนบ้าง น้องสาวทำคีย์การ์ดหาย ส่วนเรื่องการตรวจร่างกายของน้องต้องรอไปสอบปากคำอีกครั้ง ขึ้นอยู่กับตำรวจว่าจะส่งตัวน้องสาวไปหรือไม่