svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

“บก.ทล - นิติเวช” แจงปมทิ้งศพในรถ ชี้อาจเสียชีวิตในที่เกิดเหตุถึง 80 %

12 สิงหาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

“ตำรวจทางหลวง” - “นิติเวช” แถลงปมศพในรถ อุบัติเหตุมอเตอร์เวย์ ชี้ผู้ตายบาดเจ็บรุนแรงหัวใจฉีกกาด อาจเสียชีวิตทันทีได้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์

วันนี้ (12 ส.ค. 65) ตำรวจชี้แจงข้อสงสัยกรณีรถยนต์เกิดอุบัติเส้นทางมอเตอร์เวย์ แต่เจ้าหน้าที่ไม่พบศพในรถขณะเกิดเหตุพล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง(ผบก.ทล.) แถลงชี้แจงกรณีพบผู้เสียชีวิตติดอยู่ภายในซากรถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุบนมอเตอร์เวย์สาย 7 (ขาออก) ช่วง กม.105+700 เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2565 โดยมีพ.ต.อ.นพ.ปกรณ์ วะศินรัตน์ ผู้แทนสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ, พ.ต.อ.วันชนะ ทิพย์อาสน์ ผกก.8 บก.ทล., พ.ต.ท.พงศ์ศรัณย์ วังพลับ หัวหน้าพนักงานสอบสวน, พ.ต.ท.รัตพล วรรณะ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี, ด.ต.เดชฤทธิ์ น้อยขุ้ย เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ, นายภาสกร ศิริภาพ เจ้าหน้าที่กู้ภัย, นายธนศักดิ์ วงศ์ธนากิจเจริญ ผู้แทนกรมทางหลวง เข้าร่วมใช้เวลาในการแถลงชี้แจง 1 ชั่วโมง

 

“บก.ทล - นิติเวช” แจงปมทิ้งศพในรถ ชี้อาจเสียชีวิตในที่เกิดเหตุถึง 80  %

พล.ต.ต.เอกราช กล่าวว่า กล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวผู้เสียชีวิตเป็นอย่างยิ่ง พร้อมรับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากเหตุดังกล่าวได้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวแล้ว

 

“หากพบใครเกี่ยวข้องจะดำเนินคดีทั้งทางวินัยและอาญา ย้ำทางกู้ภัย ทางกรมทางหลวงมีขั้นตอนการปฏิบัติงาน และพฐ. ตรวจสอบเบื้องต้น ไม่พบร่องรอยเฉี่ยวชนกับรถคันอื่น ส่วนที่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับกองบังคับการตำรวจทางหลวง ก็เป็นสิทธิ์ของญาติ ให้เป็นไปตามขั้นตอน”

 

พล.ต.ต.เอกราช กล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2565 เวลา 07.52 น. พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 8 ได้รับแจ้งอุบัติเหตุดังกล่าวซึ่งมีประชาชนโทรแจ้งเข้ามาที่ศูนย์บริหารจัดการจราจร (CCB) พัทยา ว่า มีอุบัติเหตุรถยนต์เฉี่ยวชนแบริเออร์บนถนนมอเตอร์สาย 7 (ขาออก) ช่วง กม.105+700

 

จากนั้นจึงได้ประสานศูนย์วิทยุกู้ภัยแหลมฉบัง ให้รีบเข้าให้การช่วยเหลือ อำนวยการจราจร จุดเกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยชุดแรกถึงจุดเกิดเหตุในเวลา 07.54 น. และเจ้าหน้าที่กู้ภัยชุดที่ 2 ถึงจุดเกิดเหตุ ในเวลา 08.07 น. โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยทั้งหมดที่เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ ได้ร่วมกันตรวจสภาพที่เกิดเหตุอย่างละเอียดและยืนยันว่าไม่พบผู้บาดเจ็บหรือผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ พบแต่เพียงเอกสารใบสั่งยาระบุชื่อ นายภัทรชัย อรรถพร สันนิฐานว่าผู้ขับขี่ อาจถูกนำส่งโรงพยาบาลแล้ว จึงได้เคลื่อนย้ายรถที่เกิดเหตุไปเก็บไว้ที่หน่วยสอบสวนเขาเขียว เมื่อเวลา 09.28 น. เพื่อดำเนินการสอบสวนตามกฎหมายต่อไป

 

 

“บก.ทล - นิติเวช” แจงปมทิ้งศพในรถ ชี้อาจเสียชีวิตในที่เกิดเหตุถึง 80  %

พล.ต.ต.เอกราช กล่าวต่อว่า จากนั้นพนักงานสอบสวนได้ประสานศูนย์บริหารจัดการจราจร CCB เพื่อขอภาพขณะเกิดเหตุ และได้ติดต่อสอบถามไปยังโรงพยาบาลต่างๆ ในพื้นที่ เพื่อติดตามหาตัวผู้ขับขี่ยังไม่ปรากฏว่าผู้ขับขี่อยู่ที่ใด จึงได้เข้าไปตรวจสอบที่รถอีกครั้ง เมื่อเวลา 18.00 น. พบว่ามีผู้เสียชีวิตติดอยู่ที่พื้นรถใต้พวงมาลัยรถด้านคนขับ โดยมีกองเสื้อผ้า ปิดทับอยู่ หลังจากนั้น จึงได้แจ้งให้ญาติผู้เสียชีวิตทราบและประสานพนักงานสอบสวน สภ.ศรี ราชา และส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจชันสูตรพลิกศพตามกฎหมาย ผู้เสียชีวิตคือ นายภัทรชัย อรรถพร อายุ อายุ 68 ปี และส่งศพผู้เสียชีวิตไปยังสถาบันนิติวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิต โดยแพทย์ระบุสาเหตุการตาย เนื่องจากภาวะเลือดคั่งในช่องเยื่อหุ้มหัวใจ เนื่องจากขั้วหัวใจฉีกขาด ปริแตก และกระดูกซี่โครงหัก

 

พล.ต.ต.เอกราช กล่าวอีกว่า ส่วนรายงานการตรวจพิสูจน์ร่องรอยการเฉี่ยวชนโดยกองพิสูจน์หลักฐาน ไม่พบร่องรอยการเฉี่ยวชน รถคันที่เกิดเหตุกับรถคันอื่นแต่อย่างใด ทั้งนี้ กรมทางหลวงและกองบังคับการตำรวจทางหลวง ได้ตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ดังกล่าวร่วมกัน โดยมีรองอธิบดีกรมทางหลวง (ฝ่ายบริหาร) เป็นประธาน และมีคณะกรรมการร่วมกันระหว่างหน่วยงาน ทั้งในส่วนของกรมทางหลวง แขวงทางหลวงพิเศษ ระหว่างเมือง และกองบังคับการตำรวจทางหลวง โดยจะได้สอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวบรวมพยานหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อให้ได้ข้อมูลประกอบการพิจารณาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเหตุการณ์ดังกล่าวมา ทบทวนการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ เพื่อไม่ให้เกิดประเด็นปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้นอีก

 

พ.ต.อ.นพ.ปกรณ์ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ศพได้ถูกส่งมาตรวจพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ผลการตรวจยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ ในการตรวจเมื่อวานนี้เป็นการตรวจสภาพร่างกายและการตรวจภายใน แต่หลังจากนี้ยังต้องมีการตรวจในห้องปฏิบัติการอยู่ สิ่งที่ตรวจพบจากการตรวจสภาพร่างกายภายนอกและภายใน ตรวจพบการบาดเจ็บของร่ายกายที่ส่วนด้านหน้าของร่างกายทั้งหมดตั้งแต่ใบหน้า หน้าอก แขนหัก 2 ข้างบริเวณข้อมือและแขนซ้าย มีบาดแผลถลอกช้ำเล็กน้อยตามลำตัวและใบหน้า ส่วนด้านหลังไม่มีบาดแผล เมื่อผ่าเปิดภายในพบการบาดเจ็บภายในร่างกายที่เป็นการบาดเจ็บหลักของร่ายกายคือการบาดเจ็บบริเวณทรวงอก การบาดเจ็บที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตหลักๆ คือการบาดเจ็บจากการกระทบของแข็งไม่มีคมบริเวณช่องอก ตรวจพบกระดูซี่โครงหักหลายซี่ทั้ง 2 ข้างรวมถึงกระดูกกลางหน้าอก

 

พ.ต.อ.นพ.ปกรณ์ กล่าวต่อว่า ปัจจัยสำคัญคือมีการช้ำของเยื่อหุ้มหัวใจพบเลือดคลั่งในช่องเยื่อหุ้มหัวใจ ซึ่งเป็นภาวะของการบาดเจ็บที่ค่อนข้างรุนแรง เลือดที่ออกมาจากช่องเยื่อหุ้มหัวใจในปริมาณมากตรวจพบว่าออกมาจากบริเวณขั้วรอยต่อระหว่างหัวใจกับเส้นเลือดแดงใหญ่ พบได้บ่อยจากการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจรของผู้ขับขี่ที่มีการกระทบกระแทกบริเวณทรวงอกด้านหน้า เมื่อมีการลดความเร็วอย่างรวดเร็วและหัวใจมีการเหวี่ยงรุนแรงทำให้เกิดรอยฉีกของรอยต่อระหว่างหัวใจกับขั้วหัวใจได้ เป็นจุดสำคัญและเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เสียชีวิตในครั้งนี้

 

“จากการตรวจยังไม่พบบาดแผลอื่นๆ ที่เป็นสาเหตุของการตาย และไม่พบความผิดปกติของสมองและกระดูกคอ ตามทฤษฎีอนุมานจากลักษณะอาการบาดเจ็บที่พบรุนแรงมีการฉีกขาดของหัวใจ ผู้ประสบเหตุสามารถเสียชีวิตได้ทันที สูงถึง 80% แต่ไม่สามารถระบุช่วงเวลาหลังเกิดเหตุจะเสียชีวิตได้ภายในกี่นาที ส่วนอีก 20% ที่ไม่เสียชีวิตจะพบผู้บาดเจ็บมีอาการสาหัสมากไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และจากการผ่าพิสูจน์พบว่า ศพมีรูปร่างสันทัดไม่อ้วนไม่ผอม”

 

ด้านนายธน กล่าวว่า ขณะนี้ได้ติดต่อกับลูกสาวผู้เสียชีวิต และกรมทางหลวงรับผิดชอบเป็นเจ้าภาพจัดงานศพผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ทางอธิบดีกรมทางหลวงได้สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหามาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ทางให้รัดกุมมากขึ้น

 

ขณะที่ พ.ต.ท.รัตพล พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ยอมรับไปไม่ถึงที่เกิดเหตุ โดยได้รับรายงานว่า ไม่พบผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต คู่กรณี โดยได้ดูคลิปที่เกิดเหตุที่ส่งมาทางไลน์และขอ CCTV ตรวจสอบ จึงได้ให้ทำการเคลื่อนย้ายรถ เพื่อไม่ให้กีดขวางการจราจร ย้ำมีความเชื่อมั่นเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ และมีความเป็นไปได้ที่จะมีการนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ซึ่งตนได้ไปตรวจสอบที่โรงพยาบาลวิภาราม โรงพยาบาลแหลมฉบัง และโรงพยาบาลบริเวณใกล้เคียงที่คาดว่าผู้บาดเจ็บจะไปรักษา แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะไม่พบผู้บาดเจ็บและไม่มีญาติมาติดตาม จึงเข้าตรวจสอบเอกสารที่รถ จึงพบร่างของผู้เสียชีวิต

 

“บก.ทล - นิติเวช” แจงปมทิ้งศพในรถ ชี้อาจเสียชีวิตในที่เกิดเหตุถึง 80  %

 

ขณะที่นายภาสกร เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ไปถึงที่เกิดเหตุ เล่าว่า เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ ตั้งใจพยายามเข้าตรวจสอบเหตุให้เร็วที่สุด ประมาณไม่เกิน 5 นาที โดยมองผ่านช่องซ้าย มองเข้าไปไม่พบผู้ขับขี่, ไม่พบสัญญาณขอความช่วยเหลือ, ไม่พบอวัยวะร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งยื่นออกมา, ไม่พบคราบเลือด แต่มีทรัพย์สินกระตัดกระจายอยู่ฝั่งคนขับเท่านั้น ซึ่งอุบัติเหตุที่เคยเจอมาหากมีการชน ผู้ขับขี่จะฟุบไปด้านหน้าพวงมาลัย หรือเอนไปด้านหลัง หรือด้านข้างซ้ายขวา พร้อมยอมรับมองไม่เห็นจริงๆ ไม่ใช่ตนเพียงคนเดียว แต่ในที่เกิดเหตุมีผู้ร่วมตรวจดู 6 คน ใช้เวลาระยะโดยพยายามมองโซนนั่ง ดูกระจกหลัง รวมถึงไปเปิดประตูด้านหลังก็ไม่พบ

 

“ส่วนทำไมถึงไม่ตรวจสอบด้านขวาคนขับ เพราะไม่ต้องการไปยุ่งกับทรัพย์สิน เนื่องจากเคยมีการร้องเรียนเรื่องทรัพย์สินสูญหาย จึงคิดว่าอาจมีผู้หวังดีพาผู้บาดเจ็บไปโรงพยาบาล เมื่อมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยอีกชุดมาถามจึงแจ้งว่าไม่พบผู้ขับขี่ เหมือนบางเคสที่ผ่านมา ทั้งนี้รู้สึกเสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รู้สึกผิดที่ไม่สามารถเจอคุณลุงได้ในขณะนั้น พร้อมน้อมรับสิ่งที่สังคมวิจารณ์ ยืนยันปฏิบัติหน้าที่ตามกฎเกณฑ์”

 

“บก.ทล - นิติเวช” แจงปมทิ้งศพในรถ ชี้อาจเสียชีวิตในที่เกิดเหตุถึง 80  %

logoline