รายการคมชัดลึก โดย "วราวิทย์ ฉิมมณี" ได้สัมภาษณ์ "พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์" รอง ผบช.ภ.8 และ "พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง" โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
"วราวิทย์" ทำไมท่านรองถึงขึ้นมาฟ้องศาลปกครองครับ
"พล.ต.ต.วันไชย" น่าจะเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ผมเลยเอาคดีมาฟ้องที่ศาลปกครอง ผมเห็นว่ามันเป็นเรื่องของการใช้อำนาจเจ้าหน้าที่ของรัฐเท่านั้นเองครับ เพื่อต้องการที่จะสื่อเป็นตัวแทนให้กับเพื่อนตำรวจว่าองค์กรของเรานี้ต้องให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงหรือนายกรัฐมนตรีได้มองเห็นว่าถ้าตำรวจมีขวัญกำลังใจที่ดีในการปฏิบัติหน้าที่ การแต่งตั้งโยกย้ายเป็นไปตามระบบนิติรัฐระบบคุณธรรม ผมเชื่อว่าความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนเองมันต้องตามมา
"วราวิทย์" คือท่านมองว่าการแต่งตั้งโยกย้ายจริงๆ เกี่ยวข้องโดยตรงกับประชาชนเพราะว่าตำรวจเหล่านั้นต้องทำหน้าที่ในพื้นที่ถ้าหากว่าเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม เขาจะไปให้ความเป็นธรรมกับชาวบ้านได้อย่างไรใช่มั้ยครับ โดยสรุปท่านเป็นพล.ต.ต.มานาน 7 ปีแล้วถูกมั้ยครับ ตามกฎเกณฑ์การแต่งตั้งโยกย้ายมันต้องเป็นยังไงครับ
"พล.ต.ต.วันไชย" ตามกฎเกณฑ์การแต่งตั้งโยกย้ายเราอยู่ในบัญชีแล้ว ครบคุณสมบัติแล้วครับ แต่ในการแต่งตั้ง ที่ผ่านลำดับที่อยู่หลังจากผมตั้งแต่คนที่ 25-134 ก็ได้รับการแต่งตั้ง โดยเฉพาะตำแหน่งที่ 134 ซึ่งเป็นบัญชีสุดท้ายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการตำรวจ ซึ่งตัวผมเองไม่ได้รับการแต่งตั้ง
"วราวิทย์" คือว่า ลำดับท้ายๆข้ามตัวท่านมา ทั้งๆที่เกณฑ์การดำรงตำแหน่งก็ครบหมด ท่านรองคิดว่ามันเกิดจากอะไรที่ทำให้ตัวท่านเองไม่ได้รับการแต่งตั้ง
"พล.ต.ต.วันไชย" ก็ต้องอยู่ทางผู้บังคับบัญชาเพราะว่ากระบวนการในการพิจารณาตำแหน่งมันก็จะมีหลักที่ชัดเจนอยู่แล้ว
"วราวิทย์" แต่ว่าท่านรองให้สัมภาษณ์ไว้ชัดเจนเป็นปัญหาของเด็กนาย คำว่าเด็กนายแปลว่าอะไรช่วยขยายความหน่อยได้มั้ยครับ
"พล.ต.ต.วันไชย" เรื่องพวกนี้ในการแต่งตั้งถ้ามีการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ของก.ตร.ผ่านกระบวนการขั้นตอนต่างๆซึ่งมีนายกฯนั่งเป็นประธาน หยิบยกขึ้นมาพิจารณา 255 ตำแหน่งเป็นรายบุคคล ผมว่าแค่คนละ 1 นาทีก็ใช้เวลาถึง 4 ชม. แต่ว่าในการพิจารณาที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นวาระของการพิจารณ ซึ่งปรากฎอยู่ในคำพิพากษาของศาลซึ่งท่านก็ได้ฟังแล้ว
เรื่องที่ผมพูดทั้งหมดก็อยู่ในคำพิพากษาของศาลอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการพิจารณาของวาระนี้ไม่น่าจะเป็นเรื่องของวาระการพิจารณา น่าจะเป็นเรื่องของวาระเพื่อทราบมากกว่า ก็คือได้มีการกำหนดรายชื่อของบุคคลที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการไว้ก่อนแล้ว พอเข้าในที่ประชุมก็ไม่มีการหยิบยกมาอภิปรายมาพูดคุยเรื่องประวัติการรับราชการเรื่องผลงานการปฏิบัติฯ
ที่สมควรที่ให้บุคคลได้รับการแต่งตั้งที่มีคุณสมบัติได้รับการแต่งตั้งที่จะมีความเจริญก้าวหน้าในที่ราชการนั้นได้ แต่นี่เป็นเรื่องของการใช้อำนาจของรัฐที่เอามาใช้เป็นอำนาจของบุคคลมากกว่า ผมก็เลยฟ้องในส่วนนี้ไป 2 ประเด็น ก็คือในส่วนแรกเรื่องของข้อกฎหมาย ส่วนที่สองคือการใช้ดุลยพินิจโดยมิชอบ
โฆษก ตร.ไม่ตอบคดี รอง ผบช.ภ.8 แต่ยืนยันแต่งตั้งเป็นธรรม
"พล.ต.อ.อาชยน ไกรทอง" โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีแต่งตั้งโยกย้ายไม่เป็นธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความเห็นอย่างไรกับคำพิพากษา ของศาลปกครองมีคำสั่งให้เพิกถอนศาลปกครอง คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี การแต่งตั้ง ระดับผู้บัญชาการ ที่ไม่เป็นธรรม โดยกล่าวว่า ต้องไปดูรายละเอียดของคำพิพากษาของศาลปกครอง ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องให้ผ่ายกฎหมายพิจารณาเพราะยังอยู่ในช่วงที่สามารถอุทธรณ์ได้ และดำเนินการภายใต้กรอบของกฎหมาย
"วราวิทย์" ถามเรื่องการเลื่อนตำแหน่งตำรวจระดับสูงขึ้น
"พล.ต.อ.อาชยน" กล่าวว่า หลักการเบื้องต้นทั่วไป ของการเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้น จะมีสองส่วน คือ ลำดับอาวุโส ใช้เกณฑ์การแต่ง
ตั้ง 33 เปอร์เซ็นต์ และที่เหลือจะเป็นความรู้ความสามารถ เช่นการปฏิบัติงาน ,ผลการทำงานที่ผ่านมา มาประกอบการพิจารณา ซึ่งจะต้องพิจารณาร่วมกัน
"วราวิทย์" ถามรุกว่า หมายความว่าไม่จำเป็นต้องเรื่องลำดับอาวุโส เป็นหลักอย่างเดียวที่เหลือจะเป็นเกณฑ์ความรู้ความสามารถใช่หรือไม่
"พล.ต.อ.อาชยน" กล่าวว่า ถูกต้อง แต่สำหรับกรณี "พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์" รองผบช.ภ.8 ขอไม่ตอบเพราะอยู่ในช่วงการพิจารณาของศาลปกครอง เช่นเดียวกับที่พาดพิงถึงการนั่งเป็นประธานการประชุมของ"พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" รองนายกรัฐมนตรี เมื่อปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2564 เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ขอก้าวล่วง แต่ขอยืนยันการพิจารณาเลื่อนขั้นตำแหน่งของข้าราชการตำรวจ พิจารณาด้วยความเป็นธรรม
ชมคลิป >>>