ดาบกายสิทธิ์! ป.ป.ช. ไล่เชือดนักการเมือง ก่อนฤดูเลือกตั้ง

ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูกาลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ล็อกวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 เป็นวันหย่อนบัตร บรรดาผู้สมัครรับเลือกตั้ง และพรรคการเมืองต้องปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับอย่างเคร่งครัด ส่วนผู้จะเข้ามาดำรงตำแหน่งทางการเมือง คุณสมบัติต้องเป็นบุคคลประวัติขาวสะอาด ไร้มลทินข้อกังขา 

คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นอีกหนึ่งหน่วยงาน ที่ต้องไล่เช็คบิลนักการเมืองที่เข้าข่ายกระทำความผิด ก่อนจะเข้าไปสู่ตำแหน่งทางการเมือง 

เมื่อไม่นานมานี้ นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม อดีตนักการเมือง แกนนำกลุ่ม ส.ส.สมุทรปราการ ก็ตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดแผลเก่า เมื่อ 10 ปีก่อน สมัยนั่งเก้าอี้นายก อบจ.สมุทรปราการ ถูกชี้มูลกล่าวหาทุจริตเงินอุดหนุนวัด เสียหายกว่า 100 ล้านบาท 

และกรณี “เอ๋ ปารีณา ไกรคุปต์” ถูกชี้มูลฐานผิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง กรณีถูกกล่าวหาว่าครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.โดยมิชอบ จนถูกศาลฎีกาพิพากษาให้หลุดเก้าอี้ ส.ส. 

ตามกันมาติดๆ คือนายสิระ เจนจาคะ ถูกชี้มูลความผิด-มีคำพิพากษาเมื่อ ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นตำแหน่ง ส.ส. เนื่องจากเคยต้องคำพิพากษาศาลอันถึงที่สุดให้จำคุก  

ทั้งนี้ยังมี นายนิพนธ์ บุญญามณี  ป.ป.ช. ยื่นฟ้องคดีอาญากรณีละเว้นไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถซ่อม บำรุงทางอเนกประสงค์ ให้บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เข้าข่ายผู้มีอิทธิพลในพื้นที่สงขลาหรือไม่ ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบกลาง จึงสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

ขณะที่ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ จากพรรคภูมิใจไทย หลังศาลฎีการับคำร้องของ ป.ป.ช.กล่าวหาผิดจริยธรรมร้ายแรง กรณีรุกป่าเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี ก็ต้องถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ด้วยเช่นกัน    

ส่วนที่ควรพูดถึงอีกคนก็คือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ปัจจุบันถูก ป.ป.ช. ไต่สวน “บัญชีทรัพย์สินเชิงลึก” แบ่งการไต่สวนออกเป็น 3 ประเด็น ได้แก่ 1.กรณีการถือครองหุ้นบริษัท เดอะบางกอก อะไลฟ์ จำกัด ทำธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เช่าพื้นที่ทำตลาด จำนวน 15,000 หุ้น (คิดเป็น 30% ของทุนจดทะเบียน) แต่มิได้แจ้งในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.

2.กรณีนางอริสรา พรหมเผ่า ภรรยา ถือครองหุ้น 3 บริษัท  แต่ละบริษัทถือครองหุ้นเกิน ร้อยละ 5แต่มิได้แจ้งต่อประธานกรรมการ ป.ป.ช. อาจเข้าข่ายไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ.2543

3.กรณีการแจ้งรายได้จากการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเฉลี่ยเดือนละ 3 ล้านบาท ทั้งที่ไม่ปรากฏชื่อถือหุ้นในบริษัทขายสลาก

กรณีดังกล่าวหาก “รอด” ร.อ.ธรรมนัส ก็จะพ้นมลทินข้อครหา เดินหน้าต่อในเส้นทางการเมืองได้อย่างสบายใจ แต่ถ้า “ร่วง” ต้องหยุดในเส้นทางการเมือง 

อย่างไรก็ตาม ภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ ป.ป.ช. เตรียมชี้ความมูลความผิด “คดีใหญ่” อีก 3-5 เรื่อง ผู้ถูกกล่าวหา จะเป็นระดับ “บิ๊กเนมทางการเมือง” มีพยานหลักฐานครบถ้วนพร้อมเอาผิด แม้ว่า พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ให้เหตุผลที่ต้องไล่เช็คบิลนักการเมืองช่วงนี้ เพราะมีพยานหลักฐานครบถ้วน ไม่เกี่ยวช่วงใกล้เลือกตั้ง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อนักการเมืองรายใดถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะจบอนาคตทางการเมืองไปตามๆกัน