svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

พ่อ 2 เด็กเหยื่อเจ้าลัทธิประหลาด ลั่นเอาผิดถึงที่สุด

17 ตุลาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

พ่อ 2 เด็กเหยื่อเจ้าลัทธิประหลาด ลั่น เอาผิดถึงที่สุด เผย เลิกลาแม่เด็กไปแล้ว แต่ได้รับไลน์ขอความช่วยเหลือ ด้าน ผบก.สส.บช.น. ชี้คดีแปลกประหลาด เหยื่อถูกใช้จิตวิทยาขั้นสูง จนเชื่อฟังคำสั่งทุกอย่าง เร่งสอบสวนขยายผลเอาผิด

18 ตุลาคม 2565 ภายหลังตำรวจสืบสวนนครบาลสามารถจับกุมนายฮารุ ฮวังสิริ อายุ 39 ปี และนายตรีเพชรรัตน ณพชร อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาหลอก 3 อดีตพยาบาล ร่วมลงทุนทำธุรกิจ ก่อนสร้างเรื่องว่าผู้เสียหายติดหนี้ถึง 140 ล้านบาท และถูกนำตัวทั้ง 3 ราย รวมไปถึงลูกเล็ก 2 ราย มากักขังบังคับให้ทำงานใช้หนี้ เมื่อทั้งหมดไม่ทำจะถูกทำร้ายร่างกาย หนำซ้ำถูกน้ำร้อนลวกนั้น

 

ล่าสุด พลตำรวจตรี ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนนครบาล เปิดเผยถึงการเข้าช่วยเหลือเหยื่อทั้ง 5 รายครั้งนี้ตอนที่เข้าไปจุดเกิดเหตุเห็นว่าบนใบหน้าหน้าตรงดวงตาของเด็กทั้ง 2 มีรายฟกช้ำคล้ายถูกทำร้าย เมื่อถามว่าโดนอะไร เด็กบอกว่าโดนแม่ตบ ที่แม่ตบเพราะมีคนสั่งให้ตบ ซึ่งเป็นนายตรีเพชรรัตน์ ผู้ควบคุม

 

พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวต่อว่า เป็นคดีที่มีพฤติกรรมค่อนข้างประหลาด เนื่องจากผู้ใหญ่ทั้ง 3 รายถูกโกนหัว และย้อมผมเป็นสีเขียว บริเวณใบหน้าถูกทำร้าย ซึ่งเหยื่อ 2 รายที่ถูกน้ำร้อนลวก เมื่อถามว่าแผลเกิดจากอะไร เหยื่อทุกคนบอก เอาน้ำร้อนราดตัวเอง มีแค่เด็กที่พูดความจริงว่าใครสั่งให้ทำร้าย ขณะสอบปากคำเห็นสภาพจิตของเด็กไม่พร้อม ตอนนี้อยู่ในความดูแลของแพทย์ และนักจิตวิทยา

 

ในตอนแรกเข้าไปเจอเด็กหญิง 2 คน แต่พอมาแยกสอบจึงพบว่าเป็นเด็กตัวเล็กเป็นเด็กผู้ชาย แม่เด็กบอกว่า ผู้ต้องหาที่ชื่อฮารุ ที่เป็นสาวสอง อ้างว่าเกิดวันเดียวกัน จึงอยากให้เป็นสาวสองเหมือนกัน จึงให้แต่งตัวเป็นผู้หญิง

 

จากการสอบสวนพบว่าทุกคนไม่ติดใจเอาเรื่องผู้ต้องหา มีเพียงแม่เด็ก เมื่อได้สติ สัญชาตญาณความเป็นแม่กลับมา จึงอยากเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ตร.บุกช่วย 5 ชีวิตตกเป็นทาส ทำงานใช้หนี้อุปโลกน์นายทุนคลั่งลัทธิ (มีคลิป)

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : จับแล้วแก๊งอ้างเป็นนักธุรกิจเกาหลี ลวงเหยื่อลงทุน ก่อนขังเป็นทาส 5 ชีวิต

ตร.เข้าช่วยเหลือเหยื่อถูกล่อลวงด้วยจิตวิทยาขั้นสูง

 

สำหรับการแจ้งข้อหาค่อนข้างยาก เพราะทุกคนสมัครใจถูกควบคุม ถูกซ้อม หรือถูกราดน้ำร้อน ทุกคนจะบอกว่าที่โดนกระทำ เพราะตัวเองกระทำความผิด เนื่องจากถูกคนร้ายใช้จิตวิทยาขั้นสูง ในทางจิตเวช จะทำให้มีความรู้สึกศรัทธา รู้สึกรักเป้าหมาย รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ผิด สมควรแล้วที่ถูกกระทำ แต่ด้วยความเป็นแม่ เห็นลูกตัวเองถูกตบ ถูดราดน้ำร้อน จึงลุกขึ้นมาขอความช่วยเหลือจากอดีตสามี

 

ขณะเดียกัน เมื่อสอบปากคำผู้ต้องหา ให้การว่า ต้องบอกว่าสมแล้วที่พฤติกรรมเลวร้าย เพราะเป็นนักจิตวิทยาตัวยง ไม่บอกชื่อ ไม่ให้การใดๆ กับตำรวจ เว้นแต่ตำรวจจะติดตามได้เอง นอกจากนี้ยังพบเอกสารยินยอมลูกทั้ง 2 คน ที่เขียนด้วยลายมือแม่ ยกให้ผู้ต้องหา และต้องสอบสวนขยายผลต่อว่าเข้าข่ายกระบวนการค้ามนุษย์หรือไม่

 

ส่วนผู้ควบคุม เป็นนักศึษามหาวิทยาลัยชื่อดัง เข้ามาเพราะอยากเป็นนักแสดง เป็นคนควบคุม และสั่งการในการทำร้าย ในการราดน้ำร้อนต่างๆ ถือว่าร่วมกระทำผิด

 

ขณะนี้มีผู้เสียหายที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์กำลังทยอยเข้ามาแจ้งความและให้ข้อมูล เบื้องต้นพบว่ามีประมาณ 10 กว่าคน ส่วนเส้นทางการเงินของนายฮารุ กำลังตรวจสอบเนื่องจากการทำธุรกรรม นายฮารุไม่ได้ใช้ชื่อตัวเอง เพราะเคยโดนคดีฉ้อโกงมาก่อน 1 คดี

ขณะที่ อดีตสามีของแม่เด็ก และเป็นพ่อของเด็กที่ถูกช่วยเหลือทั้ง 2 ราย เปิดเผยว่า ตนเองและอดีตภรรยาได้แยกกันอยู่มากว่า 2 ปีแล้ว โดยครั้งล่าสุดเมื่อปลายปี 2563 อดีตภรรยาได้ไลน์ไปในกลุ่มแชทครอบครัวว่า “ไม่ต้องห่วงตอนนี้มีคนดูแลแล้ว” จากนั้นก็ออกจากกลุ่มแชท แล้วก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย

 

จนกระทั่ง ช่วงเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา ได้ส่งข้อความมาทักทายปกติ ต่อมาไม่นาน ก็แชทมาบอกว่า “ล้มแล้ว” จึงได้สอบถามแล้วทราบว่า ไม่มีเงิน ต้องหาเงินไปปิดยอดหนี้ หากใช้ยอดหนี้นี้จนหมดจะสบายขึ้น ตนเองจึงให้การช่วยเหลือไปจำนวน 6 หมื่นบาท หลังจากได้เงินไปครั้งนั้น อดีตภรรยาก็พยายามให้คนช่วยเหลือในการนำโฉนดที่ดินไปฝากขาย

 

นายตรีเพชรรัตน ณพชร อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาอีกราย

 

รวมถึง ให้ตนเองช่วยขายอาหารเสริมเพื่อนำเงินไปให้อดีตภรรยาใช้หนี้ ตนสงสารจึงยอมช่วยเหลือ จนกระทั่งมีแชทลับส่งมา คำว่า “เละเลย” ตนจึงถามไปว่าเกิดอะไรขึ้น จึงทราบว่า อดีตภรรยาถูกสาดน้ำร้อน ถูกทำร้ายร่างกาย มิหนำซ้ำ ลูกสาวและลูกชายของตนเองก็ถูกทำร้ายร่างกายเช่นกัน

 

และอดีตภรรยาบอกว่าต้องการออกจากที่นี่ ให้ช่วยเธอหน่อย ตนเองจึงไปร้องหลายหน่วยงาน แต่ไม่ได้รับการช่วยเหลือ จึงนำหลักฐานไปร้องตำรวจนครบาล จึงนำไปสู่การจับกุม

 

พ่อเด็กยังบอกอีกว่า อดีตภรรยา ไปรู้จักกับปาร์ค ซอยอ จากกลุ่มขายอาหารเสริมและชักชวนกันไปลงทุน โดยอ้างว่าจะดูแลความเป็นอยู่และค่าเล่าเรียนของลูกๆ ซึ่งช่วงแรกจะพาไปทำบุญ วิปัสสนา บูชาพระเจ้า และสาบานว่าจะเริ่มชีวิตใหม่ จากนั้นผู้ก่อเหตุก็ให้ไปเปลี่ยนชื่อและนามสกุล เป็นชื่ออัญมณีทั้งหมด และยังพูดจาหว่านล้อมให้อดีตภรรยาหลงเชื่อจนลาออกจากงานประจำไปอยู่กับผู้ก่อเหตุ

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมอดีตภรรยาถึงไม่หลบหนีออกมา นายแบงค์ เล่าว่า ผู้ก่อเหตุจะใช้วิธีในการหลอกผู้เสียหาย ว่าเป็นหนี้ กว่า 100 ล้าน จากการลงทุนอาหารเสริม และบังคับให้ผู้เสียหายทุกคนทำงานหาเงินมาให้วันละ 6 หมื่นบาท เพื่อชดใช้หนี้ หากหาไม่ได้ก็จะทำร้ายร่างกายด้วยการนำน้ำร้อนสาดตัวเอง ด้วยความสมัครใจที่จะยอมถูกลงโทษ

 

สำหรับจุดเปลี่ยนที่ทำให้ ผู้เสียหาย ตื่นจากภวังค์ เพราะว่า ผู้ก่อเหตุ ให้ลูกทั้งทั้งสอง เรียกผู้ก่อเหตุว่าแม่ และเรียกแม่ว่า คุณ และยังบังคับให้แม่ตบทำร้ายร่างกายลูก และผู้ก่อเหตุยังสร้างเรื่องหลอกว่า พ่อแท้ๆ ของเด็กนั้นทิ้งไป สร้างความเกลียดชังให้กับเด็กต่อพ่อแม่ อีกทั้ง ผู้ก่อเหตุยังบังคับให้เด็กชาย แต่งตัวเป็นหญิง และอ้างว่า เกิดวัน เดือนเดียวกันอยากให้เป็นเหมือนกันกับผู้ก่อเหตุ

 

นายฮารุ ฮวังสิริ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาอ้างเป็นลูกครึ่ง

logoline