อสส. ชี้คดีโจ้ถุงดำยังไม่สิ้นสุด ศาลชั้นต้นต้องส่งศาลอุทธรณ์พิจารณาก่อน

วันนี้ (4 ก.ค.) นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีที่ทางครอบครัวของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรืออดีต “ผกก.โจ้” ยื่นคำร้องขอถอนอุทธรณ์คดี เเละขอให้ศาลออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ (อ่านข่าว)

โดยระบุว่า คดีนี้เป็นอำนาจอัยการสูงสุดพิจารณา เนื่องจากเป็นคดีที่ถูกทำให้เสียชีวิตระหว่างการควบคุมของเจ้าพนักงานตามหน้าที่ ซึ่งทางอัยการสูงสุดพิจารณาเเล้วเห็นด้วยกับศาลชั้นต้นไม่ยื่นอุทธรณ์คดี เเต่ยังมีข้อกฎหมายที่ควรรู้คือ โดยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 245 วรรค 2 บัญญัติไว้ว่า ศาลชั้นต้นมีหน้าที่ต้องส่งสำนวนคดีที่พิพากษาให้ลงโทษ ประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิตไปยังศาลอุทธรณ์ 

ในเมื่อไม่มีการอุทธรณ์คำพิพากษานั้น และคำพิพากษาเช่นว่านี้ จะยังไม่ถึงที่สุดเว้นแต่ศาลอุทธรณ์จะได้ พิพากษายืนคดีจึงจะสิ้นสุด เเต่หากกรณีที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษากลับก็จะเป็นอำนาจของอัยการสูงสุดในการพิจารณาว่า ยื่นฎีกาหรือไม่ต่อไป

รายงานระบุว่า คดีนี้อยู่ระหว่างการขยายระยะเวลาอุทธรณ์โดยทางครอบครัวของอดีต ผกก.โจ้ ยังไม่ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาในวันนี้ จึงเป็นการยื่นขอให้คดีถึงที่สิ้นสุดเเละยื่นต่อศาลว่า ไม่ประสงค์ที่จะยื่นอุทธรณ์คดีต่อไป
 

ขณะที่ ทนายเกิดผล แก้วเกิด ทนายชื่อดัง โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีนี้ว่า 

ถ้าผู้กำกับโจ้ ไม่อุทธรณ์ ในคดีที่ศาลชั้นต้นจำคุกตลอดชีวิต
ราชทัณฑ์ก็จะประหารทันทีไม่ได้ หรือ บังคับคดีให้ #จำคุกตลอดชีวิต ทันทีไม่ได้  เพราะถึงแม้ว่า #จำเลยจะไม่อุทธรณ์ แต่ก็กฎหมายวิอาญา มาตรา 245  ก็บัญญัติว่า ให้ #ศาลชั้นต้นส่งสำนวน_และคำพิพากษาให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง อยู่ดี 

ยังไม่ตายง่าย ๆ หรอก เผลอ ๆ ๆ ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ลดโทษประชีวิต เหลือโทษจำคุก ลดลงไปเรื่อย ๆ แป๊บเดียวก็กลับบ้านแล้ว

(ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา . มาตรา ๒๔๕ ภายใต้บังคับแห่ง มาตรา ๒๔๖, ๒๔๗ และ ๒๔๘ เมื่อ คดีถึงที่สุดแล้ว ให้บังคับคดี โดยไม่ชักช้า

#ศาลชั้นต้นมีหน้าที่ ต้องส่งสำนวนคดี ที่พิพากษา ให้ลงโทษ ประหารชีวิต หรือ จำคุกตลอดชีวิต ไปยัง ศาลอุทธรณ์ #ในเมื่อไม่มีการอุทธรณ์ คำพิพากษา นั้น และ #คำพิพากษาเช่นว่านี้_จะยังไม่ถึงที่สุด เว้นแต่ ศาลอุทธรณ์ จะได้ พิพากษายืน)