บุกจับแม่ค้าออนไลน์ฉายา “พิมรี่พายเมืองลาว” โกงแชร์ สูญ 400 ล้าน หนีกบดานไทย

ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เข้าจับกุม นางพอนทิบ ไซปันยา อายุ 30 ปี สัญชาติลาว หรือ “เจ๊ทิบ” นักธุรกิจฉายา “พิมรี่พายเมืองลาว” และท้าวอานุสิด พุดทะวง หลังถูกทางการลาวออกหมายจับคดีฉ้อโกงทรัพย์และการคิดอัตราดอกเบี้ยสูง ก่อนหลบหนีข้ามแดนมายังฝั่งไทยตั้งแต่ปลายเดือน มิ.ย. พร้อมกับเงินกีบ 2 หมื่นล้านกีบ  เงินไทย 400 ล้านบาท และเงินดอลลาร์สหรัฐ 4 ล้านเหรียญ

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่มาถึงบ้านพัก ได้เคาะประตูและจะโกนเรียกให้ทั้งคู่ออกมาเปิดประตู นานกว่า 15 นาที ไม่มีใครมาเปิด จนกระทั่งมีชายหญิงคู่หนึ่ง คาดว่าเป็นคนรู้จักได้เปิดประตูบ้านเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจค้นภายในบ้านพัก ก่อนจะยืนยันว่าทั้งคู่ไม่อยู่บ้านพักหลังนี้ ต่อมาเจ้าหน้าที่ทราบพิกัดที่อยู่ของทั้งคู่ จึงได้นำทีมไปบุกจับที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านคลองห้า เมื่อไปถึงได้เคาะประตูห้อง พร้อมกับอ่านหมายศาลให้กับทั้งคู่ได้รับทราบ ก่อนที่จะเข้าตรวจค้นภายในห้องพัก พบอาหารจากร้านสะดวกซื้อจำนวน 2 ถุงใหญ่ และกระเป๋าเดินทางใบใหญ่อีก  1 ใบ โดยทั้งคู่อยู่ในสภาพเพิ่งตื่นนอน

สำหรับพฤติการณ์ของทั้งสองคนนี้ คือ ทำธุรกิจหลายอย่างที่ สปป.ลาว ทั้งขายทอง เพชร และขายออนไลน์ ซึ่งสิ่งที่ทำให้ทีชื่อเสียงโด่งดังคือ “ทำกล่องสุ่มขาย” เหมือนกับ “พิมรี่พาย” จากนั้นก็เชิญชวนเล่นแชร์ โดยหลอกว่าจะให้ค่าตอบแทนสูงถึง 30-50% ต่อเดือน นอกจากนี้ยังเปิดให้แทงหวยออนไลน์  ธุรกิจของนางทิบได้รับความนิยมมากใน สปป.ลาว  แถมยังเป็นคนจิตใจดีชวยเหลือชาวบ้าน สร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้า จนกระทั่งช่วงเดือนมิถุนายน พบว่าลูกค้าที่ลงทุนไม่ได้รับเงินตามตกลง จึงเข้าแจ้งความแจ้งความตำรวจเวียงจันทน์

 

นางพอนทิบ ยืนยันว่าไม่ได้โกงเงินใคร เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ส่วนเงิน 400 ล้านบาท ที่มีกระแสว่าตนเอาหนีข้ามประเทศมาด้วยนั้นยืนยันว่าไม่มีจริง เพราะเงินจำนวนมากไม่สามารถแบกข้ามประเทศมาได้ และหากโอนข้ามประเทศก็ต้องใช้เอกสารมากมายซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ตนไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น มีเพียงจำนวนหนึ่งที่ใช้สำหรับหมุนเวียน พร้อมยอมรับว่าแชร์ล้มแล้ว

ส่วนสาเหตุที่หนีมาที่ประเทศไทย เพราะถูกขู่ทำร้าย มีคนเฝ้าอยู่หน้าบ้าน จนทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยเลยขอมาตั้งหลักที่ประเทศไทยก่อน พร้อมยืนยันไม่ได้หนีคดี ซึ่งพร้อมจะชี้แจงและรับผิดชอบทุกอย่าง

ด้านาวอานุสิด ชี้แจงว่า ตนถูกแอดมินเพจ 2 คน หักหลังและโกงเงินไป ซึ่งตนได้โอนเงินให้กับแอดมินเพื่อไปจ่ายให้ลูกค้าแต่แอดมินไม่จ่าย ซึ่งตอนนี้กำลังรวบรวมหลักฐานเอาผิดกับทั้งสองคนอยู่ เบื้องต้นได้เตรียมทนายไว้ต่อสู้คดีที่ประเทศลาวแล้ว ยืนยันบริสุทธิ์ ไม่ได้โกงเงินใคร

เบื้องต้นตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องหาไปที่กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 เพื่อดำเนินการผลักดันกลับประเทศไปดำเนินคดี หลังจากที่ทางการ สปป.ลาว มีคำสั่งให้ยกเลิกหนังสือเดินทางไปก่อนหน้านี้