เพิ่ม nation online
ลงในหน้าจอหลักของคุณ
วันที่ 28 กรกฎาคม 2565 พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธร ภาค 2 ( ผบก.สส.ภ.2 ) นำทีม ตำรวจ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ศปอส.ตร. หรือ Police Cyber Taskforce ) ชุดที่ 5 ร่วมกับ กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธร ภาค 2 (กก.ปพ.บก.สส.ภ.2 ) หรือ “บูรพา 491” เปิดปฏิบัติการจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ด้วยแผนส่งเจ้าหน้าที่เข้าอำพรางติดต่อเข้าสมัครไปเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ จากนั้น เฝ้าติดตามพฤติกรรม การมารับตัวเหยื่อพาไปข้ามแดนอย่างผิดกฏหมาย
เจ้าหน้าที่ กก.ปพ.บก.สส.ภ.2 หรือ “บูรพา491” ได้ขับรถไล่ติดตามรถคนร้ายและได้ใช้ยุทธวิธี “คาร์บล็อก” หยุดรถคนร้ายขณะกำลังนำพาตัวสายลับไปยังช่องทางธรรมชาติในพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว จากการตรวจค้นพบ นายอรรถชัย มีโพธิ์ ชาวอรัญประเทศ จ.สระแก้ว วัย 30 ปี ขับขี่ กระบะ อีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน บบ 7208 สระแก้ว มาในเส้นทางถนน สุวรรณศร มุ่งหน้าไปทางชายแดน ไทย-กัมพูชา ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เจ้าหน้าที่จึงเข้าสกัดจับกุมตัว ยึดพาหนะ
นายอรรถชัย ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พร้อมระบุ วันนี้ ตนเองได้รับการประสานงานจากผู้ร่วมขบวนการที่อยู่ฝั่งประเทศกัมพูชา ให้มารับคนไทยไปข้ามพาข้ามช่องทางธรรมชาติไปประเทศกัมพูชา นั่งเรื่อพาข้ามแดน ผ่านลำคลองเล็กๆ เรียกกันว่า คลองบ้านตาโจ๊ย ใกล้กับวัดป่าหนองเอี่ยน โดยจะมีคนจากประเทศกัมพูชามารับช่วงต่อ ซึ่งการรับจ้างเช่นนี้ ตกเดือนละ 15 - 20 คน รับค่าจ้าง 6,000 บาท ซึ่งตนเองพึ่งถูกจับกุมและอยู่ในระหว่างการประกันตัวสู้คดี เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงแจ้งข้อหา“ร่วมกันใช้อุบายหลอกลวง พาหรือส่งคนออกไปนอกราชอาณาจักร”
ทั้งนี้ นายอรรถชัย ยังมีประวัติ ถูกดำเนินคดีในพื้นที่ จ.สระแก้ว ตั้งแต่ปี 2551 - 2565 อีกหลายข้อหา ทั้ง“เสพยาบ้า เมาแล้วขับ ฝ่าฝืนมาตรการป้องกันโควิด-19 แพร่ระบาด รวมถึงการลักลอบนำหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร
ต่อมา ศปอส.ตร. (PCT) ชุด 5 พบพบพยานหลักฐานความเชื่อมโยง จึงรวบรวมพยาน หลักฐาน ให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ ออกหมายจับไว้อีก 2 ราย คือ
น.ส.รุ่งฤดี อุดมดี อายุ 38 ปี ชาวบ้าน กุดข้าวปุ้น จ.อุบลราชธานี ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ร่วมเป็นอั้งยี่ , ร่วมกันเป็นซ่องโจร , ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ , ร่วมกันโดยทุจริตหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน”
และ นายพงษ์ธนา พิมพา อายุ 36 ปี ชาวอรัญประเทศ จ.สระเแก้ว หลังตกเป็นผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง , ร่วมเป็นอั้งยี่ , ร่วมกันเป็นซ่องโจร , ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ , ร่วมกันโดยทุจริตหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม และร่วมกันฟอกเงิน
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2/หน.ชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 5 กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะ ปัจจุบันเป็นอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนไทยมากที่สุด ตำรวจ จึงใช้มาตราการที่หลากหลายทุกมิติ ในการทำสงครามกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตั้งแต่ การตัดการลำเลียงคนข้าม เราได้ขยายผลจนทราบผู้ร่วมขบวนการนี้ทั้งหมดแล้ว เราได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับไว้แล้ว
ขอเตือนประชาชนคนไทยที่ว่างงานอยู่ กำลังมองหางานตามเฟสบุ๊คเพจหางานต่างๆ หากเป็นงานที่ต้องไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้านส่วนใหญ่จะบอกว่าเป็น admin แต่เมื่อ walk-in ไปแล้วก็เป็น call center ซะส่วนใหญ่ และเมื่อใดที่ไปเข้าร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์แล้ว คุณจะกลับประเทศมาเยี่ยงอาชญากร มิใช่เหยื่อ”