ที่สน.วังทองหลาง พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. ดูแลงานกฎหมายและคดี เข้าติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดี โดยเผย สำหรับคดีนี้ ทั้งผู้เสียหายและผู้ต้องหาเป็นเยาวชน จึงจำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพเข้าร่วมการสอบปาก โดยในส่วนของผู้ก่อเหตุ ได้ให้การรับสารภาพและเข้าสู่กระบวนการตามกฏหมายเยาวชนฯ
เบื้องต้น ผู้ก่อเหตุยอมรับว่า เป็นค่านิยมในการสะสมเครื่องแบบสัญลักษณ์ของสถาบันต่างๆ และอ้างว่าไม่ได้มีการวางแผนแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะอารมณ์คึกคะนองชั่ววูบ โดยการก่อเหตุครั้งนี้ มีผู้ก่อเหตุจำนวน 3 คน จึงเข้าองค์ประกอบความผิดฐาน ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธ และร่วมกันทำร้ายร่างกาย ซึ่งอัตราโทษตามกฏหมาย ข้อหาปล้นทรัพย์มีโทษจำคุกตั้งแต่ 10-15 ปี แต่หากเป็นการพยายามปล้นทรัพย์รับโทษ 2 ใน 3 และหากมีการใช้ยานพาหนะร่วมด้วยต้องรับโทษเพิ่มอีกกึ่งหนึ่ง
"ถือเป็นข้อกล่าวหาที่มีอัตราโทษสูง จึงขอให้คดีนี้เป็นอุทาหรณ์ของกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชน ที่มีค่านิยมในลักษณะนี้ ตระหนักถึงโทษที่จะตามมาหลังจากก่อเหตุไปแล้ว ส่วนผู้ปกครองนั้นต้องพิจารณาว่ามีส่วนสนับสนุนส่งเสริมหรือไม่" พล.ต.ต.ไตรรงค์ ระบุ
พล.ต.ต.ไตรรงค์ กล่าวอีกว่า สำหรับการสอบปากคำผู้เสียหาย พนักงานสอบสวนสน.วังทองหลาง และเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพได้ไปสอบปากคำที่โรงเรียนแล้ว หากขั้นตอนการสอบสวนเสร็จสิ้น ก็ไม่จำเป็นต้องมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจอีก
ส่วนเรื่องที่ทางโรงเรียนจะมีการถอดเข็มพระเกี้ยวออกจากเคริ่องแบบนั้น เป็นการดำเนินการของทางโรงเรียน ส่วนทางตำรวจเองได้มีการจัดสายตรวจ เฝ้าระวังตามจุดล่อแหลมของโรงเรียนต่างๆ โดยประสานงานร่วมกับโรงเรียนในพื้นที่ เพื่อเฝ้าระวังเหตุ และประชาสัมพันธ์ต่อไป
ขณะที่ พ.ต.อ.กันตภณ โพธิ์อ๊ะ ผกก.สน.วังทองหลาง กล่าวว่า จากการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการ ผู้ก่อเหตุให้การว่าเป็นอารมณ์ชั่ววูบ โดยขณะที่ขี่รถจักรยานยนต์มาก็ไม่มีความคิดจะก่อเหตุแต่อย่างใด แต่มาคิดก่อเหตุกระทันหัน โดยไม่มีเหตุโกรธเคืองผู้เสียหายแต่อย่างใด นอกจากนี้ ทางผู้ก่อเหตุได้ให้การว่าไม่เคยก่อเหตุลักษณะนี้มาก่อน