ภายหลังเกิดเหตุคนร้าย เป็นชายใส่เสื้อสีดำ นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ ใช้วัตถุลักษณะคล้ายอาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์นักเรียนโรงเรียนหอวัง เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 27 มิถุนายน ได้เงินสดไปจำนวน 100 บาท ก่อนหลบหนีไป ซึ่งผู้เสียหายได้แจ้งความกับตำรวจ สน.พหลโยธิน จากนั้นทางตำรวจได้ทำการเร่งรัดติดตามตัวคนร้ายนั้น
ล่าสุด พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 พ.ต.อ.ชิศณุพงศ์ สุริยานนท์ ผู้กำกับการ สน.พหลโยธินพ.ต.อ.อัครพล โทยะ ผู้กำกับการ กก.สส.บก.น.2นำกำลังจับกุมนายชยันต์ ปาลพันธุ์ อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุชิงทรัพย์ดังกล่าวได้ที่บริเวณป้ายรถเมล์บริเวณแยกสุทธิสารเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา
สอบสวนผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุจริง แต่ไม่มีอาวุธปืนตามที่เสนอข่าวแต่อย่างใด เป็นเพียงการข่มขู่เท่านั้น โดยหลังเกิดเหตุได้หลบหนีกลับไปหาภรรยาที่บ้านพักย่านอินทามระ และถูกจับกุมได้ในเวลาต่อมา
ด้านน.ส.อามีนะ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี ภรรยาของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า อยู่กินกันมาได้ 2 ปี โดยตนมีอาชีพเป็นแม่บ้าน ส่วนสามีขับวินจักรยานยนต์รับจ้างย่านอินทามระ สามีเป็นคนดูแลครอบครัวอย่างดี แต่มักจะมีปัญหาทะเลาะกันบ่อยครั้ง ซึ่งเวลาที่มีปากเสียงฝ่ายสามีจะเดินหนีออกไปนอกบ้านประจำ
โดยวันเกิดเหตุก็มีปากเสียงกันจนสามีเดินออกจากบ้าน แล้วไปก่อเหตุชิงทรัพย์เด็กนักเรียน ก่อนจะกลับมาที่บ้านและทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กระทั่งมาทราบตอนที่สามีถูกตำรวจจับกุม เชื่อว่าสาเหตุที่ทำลงไปมาจากการประชดประชันหลังจากที่ทะเลาะกัน
ด้าน พล.ต.ต.โชคชัย เปิดเผยว่า ภายหลังจากเกิดเหตุตำรวจได้เร่งติดตามจับกุมคนร้ายจนทราบว่าพักอาศัยอยู่ซอยอินทามระ 29 จึงนำกำลังไปควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สน.พหลโยธิน เบื้องต้นคนร้ายให้การรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ได้เสพยาเสพติดก่อนนั่งรถเมล์ออกจากที่พักมาลงที่ห้างดัง ย่านลาดพร้าว และเดินเลาะกำแพงโรงเรียนหอวัง จนพบเด็กนักเรียนผู้เสียหายจึงลงมือก่อเหตุโดยใช้วิธีการข่มขู่ชิงโทรศัพท์มือถือ แต่เด็กนักเรียนไม่ยอมให้ จึงบังคับขอเงินแทน เป็นจำนวน 100 บาท หลังก่อเหตุได้ขึ้นรถจักรยานยนต์รับจ้างหลบหนีกลับไปยังบ้านพัก และเอาเงินไปใช้จ่ายตามปกติ
พล.ต.ต.โชคชัย กล่าวอีกว่า คนร้ายเคยมีประวัติจำหน่ายยาเสพติดเมื่อปี 2545 ส่วนสาเหตุที่ทำไปเพราะอ้างว่าเงินไม่พอใช้จึงได้ลงมือก่อเหตุดังกล่าว และไม่มีอาวุธตามที่ข่มขู่แต่อย่างใด อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว เพราะถือเป็นคดีที่น่าสนใจ อยากฝากถึงประชาชนในการเดินในที่สาธารณะเพียงลำพังให้สังเกตสิ่งรอบตัว หรือบุคคลน่าสงสัย หากเกิดเหตุก็ขอให้รีบแจ้งตำรวจทันที
ต่อมาตำรวจนำตัวคนร้ายส่งฟ้องศาลอาญา รัชดาฯ ในข้อหา “ชิงทรัพย์” ก่อนคุมตัวขึ้นรถไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป