24 มิถุนายน 2565 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่หน้าลานคนเมือง เย็นวานนี้(23 มิ.ย.) พร้อม พลตำรวจเอกอดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. นายวสันต์ บุญหมื่นไวย์ ผู้อำนวยการเขตพระนคร และพันตำรวจเอกทศพล อำไพพิพัฒน์กุล ผกก.สน.สำราญราษฎร์ เพื่อประเมินการใช้พื้นที่ สำหรับให้ประชาชนกลุ่มต่างๆ จัดกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งบางกลุ่มประกาศจะใช้พื้นที่จัดกิจกรรมชุมนุมในวันที่ 24 และ 25 มิถุนายนนี้
นายชัชชาติ กล่าวว่า การชุมนุมจะเป็นไปตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ มาตรา 9 ที่ประกาศให้มีการชุมนุมสาธารณะได้ โดย กทม. จะประกาศพื้นที่ให้ใช้สำหรับการชุมนุมสาธารณะในพื้นที่ 6 โซน เพื่อให้ประชาชนมีพื้นที่ในการแสดงออก เพราะประชาชนก็คือเจ้าของพื้นที่กทม.และไม่ต้องไปแสดงออกบนถนน โดยมีพื้นที่กทม.เป็นทางเลือก
ทั้งนี้ยังมีข้อจำกัดในการรองรับคน เพราะไม่สามารถให้ใช้เต็มพื้นที่ได้ ต้องเตรียมพื้นที่ไว้สำหรับฉุกเฉิน โดยจะให้ใช้พื้นที่ประมาณ 4,000 ตารางเมตร ซึ่งเกินครึ่งหนึ่งของพื้นที่ทั้งหมด รับคนได้จำนวนจำกัด มีเว้นระยะห่าง เพราะอยู่ในช่วงโควิด ซึ่งก็จะต้องมีมาตรการที่ชัดเจน และกทม.จะมีหน้าที่แค่อำนวยความสะดวก แต่การชุมนุมก็ต้องขออนุญาตเพราะคนดูแลความสงบเรียบร้อยก็คือเจ้าหน้าที่ตำรวจ และจะต้องมีการตั้งจุดคัดกรองตรวจอาวุธ เพราะการชุมนุมจะต้องเป็นการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับผู้ชุมนุมว่าจะไม่มีความรุนแรง
รวมถึงการใช้เครื่องเสียงจะต้องเป็นไปตามความเหมาะสม เพราะลานคนเมืองอยู่ใกล้โรงเรียนและวัด ซึ่งจะต้องมีการควบคุมและขออนุญาตเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนกทม.ก็จะเตรียมรถห้องน้ำไว้ให้ ไม่ได้ให้ไปใช้บริเวณชั้นใต้ดิน เพราะมีรถราชการจอดอยู่
อย่างไรก็ตาม ในแต่ละพื้นที่ที่จัดให้ทั้ง 6 โซน จะมีเงื่อนไขต่างกัน เช่น จำนวนผู้มาร่วมแสดงความเห็น เป็นต้น
นายชัชชาติ ยืนยันว่า การชุมนุมขอให้เป็นไปตามกฎหมาย และมาตรการประกาศพื้นที่สาธารณะ โดยจะทดลองก่อน 1 เดือน เพื่อดูว่าการชุมนุมเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น และเนื้อหาจะต้องไม่มีการละเมิดกฎหมายอื่นใด หากผ่าน 1 เดือนไปแล้ว สถานการณ์ดี มีการแสดงออกด้วยประชาธิปไตย ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่ทรัพย์สินหรือบุคคลอื่น ก็สามารถประกาศใช้ต่อไปได้
ทั้งนี้ยอมรับด้วยว่า ถือเป็นสิ่งใหม่ที่กทม.ไม่เคยประกาศให้ใช้พื้นที่สาธารณะในการชุมนุม ดังนั้นจึงต้องทำด้วยความระมัดระวัง โดยคาดว่าจะออกประกาศได้ในวันนี้(24 มิ.ย.) ส่วนถ้าใครจะมาจัดกิจกรรมที่ลานคนเมืองจะต้องแจ้งมาที่กทม.ก่อนหรือไม่นั้น ตามหลักกฎหมายก็ไม่ต้องแจ้ง แต่ที่อยากให้แจ้งเพราะจะได้อำนวยความสะดวกให้ และจะได้ทราบข้อมูลว่ากลุ่มใดที่จะมาใช้พื้นที่ทำกิจกรรมในวันนั้นๆ
มีความเห็นอย่างไรกับความเป็นประชาธิปไตยในปัจจุบันอย่างไร ผู้ว่าฯ กทม กล่าวว่า มีทั้งข้อดีข้อเสีย อย่างข้อดี ตนเองมาจากระบอบประชาธิปไตย ถ้าไม่มีประชาธิปไตยตนเองก็ไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ ซึ่งดูแล้วก็เห็นถึงการพัฒนา มีสัญญาณที่ดีขึ้น และคนเราต้องมีความหวัง ‘อดีตเป็นบทเรียน ชีวิตอยู่กับปัจจุบันและอนาคต’
ทั้งนี้หวังว่า ประชาธิปไตย จะต้องลดความขัดแย้ง ใช้อารมณ์ให้น้อยลง ใช้เหตุผลให้มากขึ้น ซึ่งถ้าพูดกันด้วยเหตุผล เรื่องชุมนุมไม่ต้องกลัวเลย ทุกคนก็มาจากหลายเหตุผล อย่าไปหวังว่าเราจะเปลี่ยนความคิดคนอื่น เพราะทุกคนก็ต้องมีเหตุผลเป็นของตัวเอง เวทีชุมนุมสาธารณะมาเพื่อ ‘แถลงความเห็น ไม่ได้เพื่อมาเปลี่ยนความคิดคนอื่น’ เมื่อแถลงความไปแล้วก็จบ ส่วนคนจะเปลี่ยนความคิดหรือไม่ก็อยู่ที่ตัวคนนั้น ไม่ต้องขัดแย้งกัน ซึ่งเป็นเหตุผลที่กทม.เปิดพื้นที่สาธารณะเพื่อให้มาแถลงความคิด
ส่วน สถานการณ์ความขัดแย้ง มองว่าดีขึ้น และเราแค่ไม่ต้องไปอยู่บนความขัดแย้งนั้น ตั้งหน้าตั้งตาทำงานไป ชี้แจงด้วยเหตุผล ใครว่าเราก็ขอบคุณ หากเป็นจริงเราก็ปรับปรุง ถ้าไม่เป็นจริงก็ก้าวข้ามไป ทำงานแบบนี้ก็สบายใจดี แต่ถ้าเมื่อไรที่คนว่าแล้วเราโกรธ เราไปเถียง ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เราเถียงเขา เขาก็เถียงกลับ ดังนั้นคนที่ด่าเรา เราก็ฟังว่าจริงมั้ยถ้าจริงก็ปรับปรุงตัว ถ้าไม่จริงเราก็ทำงานต่อ ก็แค่นี้ และมองว่า อย่าไปเป็นเครื่องมือของความขัดแย้ง เพราะประชาชนก็คงจะเบื่อความขัดแย้งแล้ว และหวังว่าการเปิดพื้นที่ของกทม.ให้แสดงความคิดเห็นจะเป็นพื้นที่ช่วยลดความขัดแย้งได้ ประชาชนจะเห็นตรงกัน แต่ถ้าใครที่จ้องจะฉวยโอกาสก็คงต้องพยายามควบคุม