svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

"อัจฉริยะ" น้ำตาซึมถูก "รุมยำ" กลางรายการดัง โดนท้าเปิดหลักฐานคดีแตงโม

วุ่นกลางรายการ! "อัจฉริยะ" ถูกสลับหน้าท้าทายใน "โหนกระแส" จนสุดท้ายถึงขั้นเจ้าตัวน้ำตาซึม อ้าง "ผมถูกรุมยำ" ขณะที่โลกโซเชียลแห่ติดแฮชแท็กให้กำลังใจ

วันนี้ (23 มิ.ย.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม กล่าวถึงคดีการตายอย่างมีเงื่อนงำของ “แตงโม นิดา” ผ่านรายการ “โหนกระแส” ของ “หนุ่ม กรรชัย” ว่า เรื่องที่นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ผู้ตาย จะยื่นถอนฟ้องตรง เป็นเรื่องจริงแน่นอน และเรื่องนี้นายบุญถาวร ปัญญาสิทธิ์ ที่ปรึกษานายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศิวิไลย์ ก็ได้คุยกับคุณแม่ โดยมีหลักฐานยืนยันชัดเจน

 

ฉะนั้นหลังจากนี้ คุณแม่ไปถอนฟ้อง คดีถือว่าจบแล้ว เพราะเราไม่สามารถทำอะไรได้อีก รวมถึงการฟ้องใหม่ โดยขอยืนยันว่า ข้อกล่าวหาในคำฟ้องเกิดขึ้นจริง ไม่ได้เป็นเรื่องเท็จ เพราะมีการตาย และบาดแผลเกิดขึ้น

"อัจฉริยะ" ปาดน้ำตา ถูก "รุมยำ" กลางรายการดัง ท้าเปิดหลักฐานคดีแตงโม

นอกจากนี้ “อัจฉริยะ” ยังเปิดหลักฐานภาพถ่ายให้ “หนุ่ม กรรชัย” และ “บุญถาวร” ดู โดยเป็นภาพร่องรอยคราบน้ำสีแดงชมพูอยู่บนเรือ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า เป็นเลือดหรือไม่ แต่ภายหลังเรือถูกนำไปเก็บ ร่องรอยดังกล่าวได้หายไป

 

“อัจฉริยะ” อ้างเหตุผลว่า ที่ไม่เปิดคลิปหลักฐานสำคัญต่อสาธารณชน เพราะกลัวผิดกฎหมาย PDPA จนอาจทำให้ถูกฟ้องร้องตามมา จึงอยากเก็บหลักฐานใช้ในชั้นศาลเท่านั้น ส่วนที่ “ทนายตั้ม” ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เสนอตัวเข้ามาช่วย แต่มีข้อแม้ต้องได้ดูคลิป “มีดกรีดขา” ตนเองยินดี แต่ขอปฏิเสธให้ดูคลิป เพราะเป็นคำแนะนำของทีมทนาย  

ทนายของผมแนะนำว่า คลิปไปเปิดที่ศาลทีเดียว แต่ถ้าตั้มอยากช่วยจริง ไปคุยกับแม่จิ๋ม อย่าถอนสิ ให้ผมได้มีโอกาสไต่สวน ฉะนั้นอยากให้พี่เข้าใจผมด้วย เราทำมานายน เราก็เหนื่อย”  

"อัจฉริยะ" ปาดน้ำตา ถูก "รุมยำ" กลางรายการดัง ท้าเปิดหลักฐานคดีแตงโม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังรายการผ่านไปเพียง 26 นาที “ทนายตั้ม” ทำเซอร์ไพรส์ ด้วยการเดินโผล่พรวดเข้ามาในรายการ พร้อมยืนยันว่า ต้องการเข้ามาช่วยเหลือจริงๆ และถ้ายิ่งมีคลิป “มีดกรีดขา” ตนเองจะยกฟ้องให้ทุกคดีที่มีปัญหากัน เพราะเห็นว่าโดนมาหลายคดี

 

ถ้าพี่อัจมีคลิป ผมจะถอนฟ้อง 10-20 คดี ผมถอนให้หมดเลย และตรงนี้ไม่ใช้การท้าทาย แต่อยากให้คดีน้องแตงโมมันจบซักที แล้วมันคืออะไรกันแน่ รวมถึงที่พี่อัจพูดว่า โดนมาหลายคดี ถ้าเปิดคลิปนี้อีก จะโดนคดีเพิ่ม ฉะนั้นผมยอมทุกข์แทนเลย เอาคลิปมาแล้วผมจะเปิดเอง รับรอง 2 วันจบแน่ ถ้าตำรวจไม่ดำเนินคดีคนบนเรือในข้อหาฆาตกรรม ถ้าเกิดมีคลิปกรีดขาจริง ผมจะดำเนินคดี ผบช.ภ.1”

"อัจฉริยะ" ปาดน้ำตา ถูก "รุมยำ" กลางรายการดัง ท้าเปิดหลักฐานคดีแตงโม

จากนั้น “ทนายตั้ม” มีการซักถาม “อัจฉริยะ” เป็นชุดว่า เคยยื่นหลักฐานคลิปสำคัญให้ดีเอสไอตรวจสอบหรือไม่ ซึ่งทาง “อัจฉริยะ” ตอบกลับว่า “เราไม่ได้ส่งให้เขา เพราะเขาไม่อยากรับคดีผมอยู่แล้ว เช่น สอบบริษัทจีพีเอส แต่เมื่อถึงหลักฐานสำคัญ กลับถูกตัดทิ้ง หรือตอนที่สอบหมอธวัชชัย จนถึงช่วงสำคัญ เขาตัดทิ้งเหมือนเดิม”

 

“ทนายตั้ม” พูดสวนไปว่า “ถ้าพี่เอาคลิปนี้ไปให้ดีเอสไอ ผมว่าเขารับคดีแน่” ทาง “อัจฉริยะ” ตอบว่า “เขาให้ผมยืนยันเลยว่า ใครเป็นคนฆ่า แต่ตั้มต้องรู้ผลนิติวิทยาศาสตร์ บอกว่าแตงโมจมน้ำเสียชีวิต” ก่อนที่ทั้ง 2 ฝ่าย จะเถียงกันเรื่องคลิปหลักฐาน ซึ่ง “ทนายตั้ม” บอกว่า จากการสอบถามนักข่าว 2 ท่าน ที่อีกฝ่ายเคยอ้างว่า เปิดคลิปให้ดู ได้ทราบคำตอบว่า “เห็นภาพแล้ว แต่ดูไม่ออกเป็นฆาตกรรม” โดย “อัจฉริยะ” ยืนยันว่า ไม่ได้เอาวิดีโอให้ดู แต่ให้ดูแค่ภาพนิ่งเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ระหว่างรายการ ทางนายนิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร หรือจ๊อบ , นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือปอ , และนายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือแซน กลุ่มผู้ต้องหาคดี “แตงโม” ได้โทรศัพท์เข้ามา พร้อมท้าทายให้ “อัจฉริยะ” เปิดคลิปหลักฐานสำคัญ และปฏิเสธว่าไม่มี “คนบนเรือ” รับสารภาพตามที่ถูกกล่าวอ้าง หรือเป็นแค่แต่งเรื่องชี้นำสังคม

 

โดย “อัจฉริยะ” ตอบโต้ว่า ตอนนี้อยู่ในกระบวนการชั้นศาลแล้ว จึงค่อยไปต่อสู้กันในนั้น และขอย้ำว่า มีหนึ่งคนบนเรือยอมรับสารภาพจริง

"อัจฉริยะ" ปาดน้ำตา ถูก "รุมยำ" กลางรายการดัง ท้าเปิดหลักฐานคดีแตงโม

ทั้งนี้หลังจบรายการ “อัจฉริยะ” ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอีกครั้ง ด้วยสีหน้าเหน็ดเหนื่อย พร้อมถอดแว่นคล้ายมีน้ำตาซึม โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า “ต้องทิ้งตั๋วเครื่องบินไป จ.ภูเก็ต เพื่อมาออกรายการ แต่กลับถูกนำมายำกลางรายการ ส่วนตัวไม่เคยเสียใจอะไรมากขนาดนี้ รายการไม่น่าทำแบบนี้กับผม พี่หนุ่มไม่น่าทำแบบนี้ ต่อไปนี้คงจะไม่มีอะไรอีกแล้ว ผมไม่เคยพูดเรื่องมีดกรีดขา แค่พูดว่ามีการทำร้ายกันบนเรือ แล้วมีเลือด”

 

ขณะที่โลกโซเชียลแห่ติดแฮชแท็ก “#โหนกระแส” และ “#Saveอัจฉริยะ” โดยบางส่วนเข้ามาสอบถามเรื่องหลักฐานจาก “อัจฉริยะ” ว่ามีจริงหรือไม่ แต่บางส่วนให้กำลังใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น