นอกจากนี้ ยังต้องระมัดระวังการใช้ในผู้มีโรคเรื้อรัง และผู้ป่วยจิตเวชกลุ่มโรครุนแรง เช่น จิตเภท ซึมเศร้า อารมณ์สองขั้ว เพื่อคุ้มครองไม่ให้กลุ่มเปราะบางเหล่านี้เกิดผลข้างเคียงจากการใช้กัญชาทางการแพทย์ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนที่มีโอกาสเสพติดมากกว่าผู้ใหญ่ และยังส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของสมอง ระดับสติปัญญา การคิดแบบมีเหตุผลและการยับยั้งชั่งใจ ทั้งในขณะเสพและหลังเสพ จนเกิดอาการทางจิตเวชตามมาได้ ส่วนในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร สารสกัดจากกัญชาอาจส่งผลต่อเด็กในครรภ์หรือทารกได้
พญ.บุญศิริ จันศิริมงคล ผู้ทรงคุณวุฒิและที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กล่าวเพิ่มเติมว่า ฤทธิ์ของสารสกัดจากกัญชาที่มีต่อระบบประสาทสามารถแบ่งได้ 3 กลุ่มอาการ ได้แก่
1) กดประสาท ผลเบื้องต้นทำให้รู้สึกสงบ สุขคนเดียวได้ ง่วง อยากนอน แต่ทำให้ไม่มีแรงจูงใจทำอะไร หากเสพเกินขนาดจะหลับลึก ไม่ค่อยรู้ตัว
2) กระตุ้นประสาท ผลเบื้องต้นทำให้รู้สึกกระชุ่มกระชวย ไม่หิว ไม่เหนื่อย แต่ถ้าได้รับสาร THC มากขึ้นจะกระสับกระส่าย กลัว ตื่นตระหนก หากเสพเกินขนาดหัวใจจะเต้นเร็วมากขึ้นและอุณภูมิร่างกายสูงขึ้น
3) หลอนประสาท ทำให้มีอาการเคลิ้มฝันกลางวัน วิตกกังวล กลัว ไม่อยากออกไปไหน หากเสพเกินขนาดจะทำให้เกิดอาการทางจิต เช่น ยิ้มพูดคนเดียว หูแว่ว หวาดระแวง
นอกจากนี้ ทาง กรมสุขภาพจิต ได้ดำเนินการเปิด สายด่วน “ปรึกษากัญ 1667” เพื่อให้คำปรึกษา ในการใช้ยา หรือผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จากกัญชาและกัญชงอย่างถูกต้อง ตลอด 24 ชั่วโมง โดยกรมสุขภาพจิตเชิญชวนให้ประชาชนที่สนใจที่จะใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์และสุขภาพจากกัญชาและกัญชง แต่ยังไม่มั่นใจหรือมีข้อมูลไม่เพียงพอ
สำหรับประชาชนทั่วไป สามารถโทรขอรับการปรึกษาได้ฟรี หรือ สามารถปรึกษาแพทย์ที่ดูแลรักษาและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อประโยชน์ต่อตัวผู้ป่วยและเกิดประสิทธิภาพ ในการรักษาอย่างแท้จริง