สถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสตอกโฮล์ม หรือ SIPRI วิเคราะห์ว่าการที่รัสเซียรุกรานยูเครน ทำให้ประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ 9 ประเทศ อาจสะสมหัวรบนิวเคลียร์เพิ่มขึ้น ทำให้จำนวนหัวรบนิวเคลียร์ทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่สงครามเย็นสิ้นสุดลง นอกจากนี้ ความเสี่ยงที่อาวุธนิวเคลียร์จะถูกนำมาใช้จริงๆ ก็เพิ่มสูงที่สุดในรอบหลายสิบปี
SIPRI เปิดเผยว่า ในช่วงปี 2011 ถึงปี 2022 จำนวนหัวรบนิวเคลียร์ทั่วโลกลดลงเล็กน้อย แต่หลังจากที่รัสเซียรุกรานยูเครน ทำให้ประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ตัดสินใจที่จะเพิ่มจำนวนอาวุธนิวเคลียร์ที่ตัวเองครอบครอง พัฒนาระบบอาวุธให้ทันสมัยมากขึ้น รวมทั้งพิจารณานำอาวุธนิวเคลียร์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ทางทหารให้มากกว่าเดิม
ขณะนี้ รัสเซียเป็นประเทศที่ครอบครองหัวรบนิวเคลียร์มากที่สุดในโลกอยู่ที่ 5,977 ลูก มากกว่าสหรัฐฯ ประมาณ 500 ลูก ซึ่งรัสเซียและสหรัฐฯ ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์รวมกันคิดเป็น 90% ของทั้งโลก ขณะที่จีนกำลังอยู่ระหว่างการเพิ่มจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ ส่วนเกาหลีเหนือก็อาจกำลังเตรียมทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งใหม่ในเร็วๆ นี้